ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) เปิดเผยแผนการดำเนินงานปี 2562/2563 ในวันนี้ โดยระบุว่า หนี้ภาคครัวเรือนที่ระดับสูงในออสเตรเลีย อาจทำให้เศรษฐกิจมีความยืดหยุ่นน้อยลงในการรับมือกับผลกระทบต่างๆ และจะทำให้การตัดสินใจเกี่ยวกับการปรับอัตราดอกเบี้ยในอนาคตมีความยุ่งยากมากขึ้น
รายงานของ RBA ระบุว่า การขยายตัวอย่างยาวนานของตลาดที่อยู่อาศัยของออสเตรเลียซึ่งสิ้นสุดลงในปี 2560 นั้น ทำให้อัตราส่วนหนี้ภาคครัวเรือนต่อรายได้ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และกระตุ้นให้ผู้ควบคุมด้านกฎระเบียบทำการคุมเข้มมาตรฐานการปล่อยเงินกู้ของภาคธนาคาร ซึ่งทำให้ราคาบ้านร่วงลง
ขณะเดียวกันการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการขยายตัวของค่าจ้างที่ระดับต่ำ ได้สร้างแรงกดดันต่องบดุลบัญชีของภาคครัวเรือน และส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ RBA ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2 ครั้งนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.สู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1%
ทั้งนี้ RBA ระบุว่า การเคลื่อนไหวของมูลค่าสินทรัพย์และการก่อหนี้อาจมีความสำคัญมากขึ้นต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจมากกว่าในอดีต เนื่องจากหนี้ในภาคครัวเรือนอยู่ในระดับสูงแล้ว โดยอัตราส่วนหนี้ภาคครัวเรือนต่อรายได้อยู่สูงกว่า 190% ซึ่งเป็นหนึ่งในระดับสูงสุดของประเทศที่พัฒนาแล้ว
RBA ระบุว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของรายได้ภาคครัวเรือนที่มีการขยายตัวอ่อนแอนั้น ระดับหนี้ที่สูงอาจทำให้การตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงินในอนาคตมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น และทำให้เศรษฐกิจมีความยืดหยุ่นน้อยลงในการรับมือกับผลกระทบต่างๆ
ทั้งนี้ ระบบการเงินของออสเตรเลียในปัจจุบันยังคงมีความยืดหยุ่นโดยได้รับการสนับสนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบรรดาธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ และอัตราส่วนเงินกองทุนที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ รายงานยังระบุด้วยว่า RBA จะยังคงจับตาการพัฒนาในการปล่อยสินเชื่อจำนองเพื่อที่อยู่อาศัย และความเสี่ยงที่เกิดจากหนี้ครัวเรือนที่ระดับสูง