ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความโจมตีบริษัทสหรัฐ โดยระบุว่า บริษัทเหล่านี้ใช้การทำสงครามการค้ากับจีนเป็นข้ออ้างว่าได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจบริษัท แทนที่จะหันมาดูว่าบริษัทมีการบริหารจัดการที่ย่ำแย่
"ถ้าเฟดเพียงแค่ปรับลดอัตราดอกเบี้ย เราก็จะเห็นตลาดหุ้นพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี แต่บริษัทที่มีการบริหารงานที่ย่ำแย่และอ่อนแอกำลังตำหนิการขึ้นภาษีเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ แทนที่จะตำหนิตัวเองที่มีการบริหารงานผิดพลาด และใครจะตำหนิพวกเขาที่ทำเช่นนี้ นี่เป็นข้ออ้างชัดๆ" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
ก่อนหน้านี้ กลุ่มธุรกิจมากกว่า 160 กลุ่มในสหรัฐได้รวมตัวกันเรียกร้องให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เลื่อนการเรียกเก็บภาษีทั้งหมดที่มีต่อจีนในปีนี้ เนื่องจากจะส่งผลกระทบทำให้ผู้บริโภคต้องซื้อสินค้าราคาแพงในช่วงเทศกาลวันหยุด
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจดังกล่าวได้รวมตัวกันใช้ชื่อว่า "พันธมิตรการค้าเสรีสำหรับชาวอเมริกัน" โดยประกอบด้วยกลุ่มสหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติ, สมาคมผู้นำอุตสาหกรรมค้าปลีก, สมาคมผู้ผลิตเครื่องมือ และสมาคมเทคโนโลยีผู้บริโภค เป็นต้น
นอกจากนี้ กลุ่มผู้ผลิตรองเท้าสหรัฐจำนวนกว่า 200 บริษัทก็ได้เรียกร้องให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยกเลิกการเรียกเก็บภาษีต่อจีนที่มีกำหนดในเดือนหน้า โดยระบุว่าการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวจะเพิ่มความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
การเรียกร้องดังกล่าวมีขึ้น ขณะที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ประกาศยืนยันแผนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอีก 5% ต่อสินค้านำเข้าวงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย. และ 15 ธ.ค.
USTR ระบุว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษี 15% ต่อสินค้าบางส่วนที่นำเข้าจากจีนตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. ขณะที่ส่วนที่เหลือ ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก จะถูกเก็บภาษี 15% ในวันที่ 15 ธ.ค.