สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาการค้าของจีนและสหรัฐ ได้เห็นพ้องร่วมกันระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์ครั้งล่าสุดในวันนี้ว่า ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันอย่างจริงจังในการสร้างปัจจัยแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการปรึกษาหารือด้านการค้า โดยจะจัดการประชุมเพื่อหารือด้านเศรษฐกิจและการค้าในระดับสูงครั้งที่ 13 ในช่วงต้นเดือนต.ค.นี้ ที่กรุงวอชิงตัน และทั้งสองฝ่ายจะยังคงติดต่อสื่อสารกันอย่างใกล้ชิดก่อนที่จะถึงวันดังกล่าว
-- นางแคร์รี ลัม ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนร่วมกับนายแมทธิว เฉิง เลขาธิการผู้ว่าการฯ และนายเลา กง-วาห์ รัฐมนตรีฝ่ายกิจการฮ่องกง อธิบายถึงขั้นตอนการถอนร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน โดยกล่าวว่า การถอนร่างกฎหมายดังกล่าวจะไม่มีการลงคะแนนเสียงหรือการอภิปราย ซึ่งจะช่วยขจัดความกังวลที่ว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติที่สนับสนุนฝั่งรัฐบาลนั้น จะวีโต้การถอนร่างกฎหมาย พร้อมกับให้คำมั่นว่าจะจัดการเจรจาร่วมกันโดยตรง เพื่อให้ประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นและแสดงความไม่พอใจต่อรัฐบาลได้
-- สื่อต่างประเทศหลายแห่งซึ่งรวมถึงนิวยอร์กไทม์ส และซีเอ็นบีซี รายงานว่า ตัวแทนจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐ อาทิ กูเกิล ไมโครซอฟท์ ทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊ก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐ (DHS) และสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) และผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐ (DNI) ได้ประชุมกันเพื่อหารือถึงการเตรียมความพร้อมก่อนหน้าการเลือกตั้งสหรัฐปี 2563 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความปลอดภัยที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง และการให้ข้อมูลเท็จทางการเมืองที่คล้ายคลึงกับที่รัสเซียเคยทำเมื่อช่วงก่อนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2559
ในการประชุมดังกล่าว เฟซบุ๊กและบริษัทอื่น ๆ ได้เพิ่มข้อกำหนดเกี่ยวกับการโฆษณาทางการเมือง และยังกำหนดให้มีการยืนยันตัวตนและส่งเอกสารจากผู้ลงโฆษณาทางการเมือง รวมถึงเปิดตัวฐานข้อมูลสาธารณะของโฆษณาทางการเมืองทั้งหมด ขณะที่ทวิตเตอร์และกูเกิลก็ได้เพิ่มขั้นตอนการสมัครสำหรับการลงโฆษณาทางการเมืองอีกด้วย
-- สภาแห่งรัฐ หรือคณะรัฐมนตรีจีน เปิดเผยในการประชุมวานนี้ว่า จีนจะปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ทั้งแบบเป็นวงกว้างและแบบกำหนดเป้าหมาย ในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อเป็นแนวทางให้สถาบันการเงินสามารถปล่อยเงินกู้ได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจที่แท้จริง ในขณะสถานการณ์ในต่างประเทศกำลังมีความซับซ้อนและรุนแรงมากขึ้น และเศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญกับแรงกดดันช่วงขาลง
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า แม้สงครามการค้ากับจีนจะทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างต่อเนื่อง แต่ที่เป็นเช่นนี้เพราะจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับแนวทางปฏิบัติทางเศรษฐกิจของจีน
"ผมจะบอกคุณให้ ถ้าผมไม่ทำอะไรกับจีนเลย ตลาดหุ้นของเราคงพุ่งขึ้นไปแล้วกว่าหมื่นจุดจากที่เป็นอยู่ตอนนี้ แต่มีความจำเป็นที่เราต้องทำเช่นนี้ เรื่องนี้เป็นอะไรที่อยู่เหนือการควบคุม รวมทั้งพวกเขาด้วยที่คุมไม่ได้เหมือนกัน" ปธน.ทรัมป์กล่าว พร้อมระบุต่อไปว่า "แล้วเราจะได้เห็นกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากพวกเขายอมกลับมาเจรจาการค้ากับเรา พวกเขาก็จะต้องยอมรับข้อเสนอของเราให้ได้ หรือถ้าพวกเขาจะไม่ยอม นั่นก็ไม่ได้เป็นอะไร"
-- ศาลฝรั่งเศสได้สั่งปรับบริษัทอเมซอน ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านการค้าปลีกของสหรัฐ สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 4.4 ล้านดอลลาร์ เนื่องจาก อเมซอนกำหนดเงื่อนไขที่ "ไม่เหมาะสม" สำหรับผู้ค้าออนไลน์ เพื่อที่จะขายสินค้าของพวกเขา โดยศาลระบุคำพิพากษาว่า เงื่อนไขที่มีการโต้แย้งนั้น "ไม่สมดุลอย่างชัดเจน" และ ได้สั่งให้อเมซอนทำการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเหล่านั้นภายใน 6 เดือน และอเมซอนจะถูกปรับเพิ่มอีก 11,000 ดอลลาร์ต่อวัน หากไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขดังกล่าวได้
-- นายอลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยติดลบเกิดขึ้นทั่วโลก และเพียงแต่รอเวลาเท่านั้นที่จะเกิดขึ้นกับสหรัฐ พร้อมตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นอย่างมาก เนื่องจากผู้คนกำลังมองหาสินทรัพย์ที่จับต้องได้ (hard asset) ซึ่งพวกเขารู้ว่า จะมีมูลค่าในปีต่อๆ ไป เมื่อพวกเขาอายุมากขึ้น
"เราคุ้นเคยกับแนวคิดที่ว่า เราไม่มีอัตราดอกเบี้ยติดลบ แต่ถ้าคุณเข้าใจทัศนคติของประชาชนที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ คุณจะพบว่า พวกเขาต้องการดอกเบี้ย" นายกรีนสแปนกล่าว และเสริมว่า นักลงทุนควรพิจารณาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปี ซึ่งอาจเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
-- กระทรวงการคลังของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า กระทรวงต่างๆ ของญี่ปุ่นได้ยื่นของบประมาณมูลค่าแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 105 ล้านล้านเยน (9.963 แสนล้านดอลลาร์) สำหรับปีงบประมาณ 2563 ซึ่งจะเริ่มขึ้นในเดือนเม.ย. เนื่องจากต้องการค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับประชากรสูงอายุ, การใช้จ่ายเพื่อการชำระหนี้ และค่าใช้จ่ายทางทหารที่เพิ่มขึ้นเพื่อรับมือกับสถานะทางทหารที่เพิ่มขึ้นของจีนและโครงการขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
ทั้งนี้ การยื่นของบประมาณรายจ่ายบัญชีทั่วไปสำหรับปีงบประมาณ 2563 สูงกว่าระดับสูงสุดครั้งก่อนที่ 102.8 ล้านล้านเยนที่มีการยื่นขอสำหรับปีงบประมาณปัจจุบัน
-- สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (PSA) รายงานในวันนี้ว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของฟิลิปปินส์ชะลอตัวลงสู่ระดับ 1.7% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 34 เดือน โดยสาเหตุที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค..ชะลอตัวลงนั้น มาจากการที่ราคาอาหารและเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ ซึ่งขยายตัวเพียง 0.6%
ทางด้านธนาคารกลางฟิลิปปินส์มองว่า ปัจจัยหลักของอัตราเงินเฟ้อในเดือนส.ค.นั้นเกิดจากการที่ราคาผลิตภัณฑ์ข้าว ไฟฟ้า และเชื้อเพลิง ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค.ยังคงอยู่ในกรอบคาดการณ์ที่ธนาคารกลางฟิลิปปินส์กำหนดไว้ที่ 1.3-2.1%
-- สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีรายงานในวันนี้ว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของเยอรมนีในเดือนก.ค.ลดลง 2.7% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.5% โดยยอดสั่งซื้อภายในประเทศลดลง 0.5% ขณะที่ยอดสั่งซื้อจากต่างประเทศร่วงลง 4.2% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ส่วนยอดสั่งซื้อใหม่ในประเทศในกลุ่มยูโรโซน ขยับขึ้น 0.3% และยอดสั่งซื้อใหม่จากประเทศอื่นๆ ร่วงลง 6.7% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
กระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนีระบุว่า ยังไม่มีสัญญาณว่าภาคการผลิตจะฟื้นตัวในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เมื่อพิจารณาจากยอดสั่งซื้อใหม่ในอุตสาหกรรมการผลิตที่มีแนวโน้มอ่อนแรงลงในไตรมาส 3 เนื่องจากผลกระทบของข้อพิพาทการค้าที่เกิดขึ้นทั่วโลก และผู้ประกอบการในภาคการผลิตมีมุมมองค่อนข้างระมัดระวังในการดำเนินธุรกิจ
-- นายเรเซพ ตอยยิบ เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี เปิดเผยว่า ตุรกีวางแผนที่จะผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้อยู่ที่ระดับ 5% ในปี 2563 โดยการแสดงความเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังจากตุรกีรายงานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 หดตัวลง 1.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจตุรกีจะหลุดพ้นจากภาวะถดถอยที่เกิดขึ้นจากวิกฤตค่าเงินเมื่อปีที่แล้ว โดยตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ซึ่งหดตัวลง 1.5% นั้น ยังดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะหดตัว 2%
-- สำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากรัฐบาลสหรัฐว่า สหรัฐได้เสนอให้มีการจัดการประชุมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ กับประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี ผู้นำอิหร่าน นอกรอบการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN) ที่นครนิวยอร์กในเดือนนี้
สหรัฐหวังว่าการประชุมดังกล่าว ซึ่งหวังว่าจะจัดขึ้นในวันที่ 25 ก.ย. จะเป็นการประชุมสุดยอดแบบตัวต่อตัวครั้งแรกของผู้นำจากทั้ง 2 ประเทศ นับแต่การปฏิวัติอิหร่านในปี 2522 ซึ่งนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างทั้ง 2 ประเทศมาเป็นเวลาหลายสิบปี