นายแอนดี้ เพอร์ดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความมั่นคงของบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ เปิดเผยว่า "อเมริกาต้องการหัวเว่ย มากกว่าที่หัวเว่ยต้องการอเมริกา" พร้อมกับกล่าวว่า การที่สหรัฐแบนสินค้าของหัวเว่ยนั้น จะสร้างความเสียหายอย่างมากให้กับสหรัฐ
นายเพอร์ดีเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวนอกรอบการประชุม "International Telecommunications Union (ITU) Telecom World 2019" ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี โดยกล่าวว่า ประมาณ 30% ของอุปกรณ์ที่หัวเว่ยจำหน่ายทั่วโลกนั้น มาจากสหรัฐ และเมื่อปีที่ผ่านมานั้น หัวเว่ยใช้จ่ายเงินมูลค่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อซื้อเทคโนโลยีและอุปกรณ์จากบริษัท 130 แห่งในสหรัฐ
ทั้งนี้ นายเพอร์ดี กล่าวว่า หากหัวเว่ยไม่ซื้อสินค้าเหล่านี้ บริษัทเหล่านั้นของสหรัฐก็จะได้รับความเสียหาย และอาจจะส่งผลกระทบต่อตำแหน่งงาน 40,000 ตำแหน่งในสหรัฐ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐได้สั่งห้ามการทำธุรกรรมที่มีความเสี่ยงต่อประเทศ ด้วยการประกาศมาตรการฉุกเฉินแห่งชาติ โดยอ้างถึงภัยคุกคามด้านเทคโนโลยี และประกาศควบคุมการขายและโอนถ่ายเทคโนโลยีของสหรัฐให้กับหัวเว่ย
อย่างไรก็ดี นายเพอร์ดีกล่าวว่า เทคโนโลยีทั้งหมดนี้ได้รับการพิสูจน์อย่างชัดเจนแล้วว่าไม่ได้สร้างความเสียหายต่อความมั่นคงของสหรัฐ และนี่จึงเป็นเหตุผลที่หัวเว่ยได้รับอนุญาตให้ซื้อและขายเทคโนโลยีเหล่านี้ไปทั่วโลก