ผลสำรวจของสำนักข่าวเกียวโดชี้ให้เห็นว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่า 70% มีความวิตกกังวลถึงผลกระทบแง่ลบที่มีต่อเศรษฐกิจ จากการปรับขึ้นอัตราภาษีการบริโภคเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา แม้ผู้ร่วมการสำรวจเกือบ 75% จะระบุว่า พวกเขาไม่ได้ลดการใช้จ่ายของตัวเองลง หลังจากมีการขึ้นภาษีเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี
การสำรวจดังกล่าวซึ่งดำเนินการโดยใช้การโทรศัพท์สอบถามความคิดเห็นของประชาชนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า ผู้เข้าร่วมการสำรวจ 70.9% มีความ "วิตกกังวล" หรือ "กังวลในระดับหนึ่ง" ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจหลังจากที่รัฐบาลเรียกเก็บภาษีการบริโภคเพิ่มขึ้นจาก 8% มาเป็น 10% อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังคงน้อยกว่าการสำรวจครั้งก่อนหน้าที่ทำขึ้นในเดือนก.ย. ซึ่งมีผู้ร่วมการสำรวจถึง 81.1% ระบุว่าพวกเขามีความกังวลถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
ในส่วนของคำถามเกี่ยวกับการลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหลังมีการเก็บภาษีเพิ่มขึ้น ผู้ร่วมการสำรวจ 74.9% ระบุว่า พวกเขาไม่ได้ลดการใช้จ่ายลงแต่อย่างใด ในขณะที่อีก 24.6% กล่าวว่า พวกเขามีการจับจ่ายใช้สอยลดน้อยลง
ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ได้ตัดสินใจปรับขึ้นภาษีการบริโภคเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2557 หลังจากต้องเผชิญความล่าช้าในการแก้ไขปัญหาค่าใช้จ่ายด้านการประกันสังคมที่เพิ่มสูงขึ้น อันเนื่องมาจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมาถึง 2 ครั้ง
การตัดสินใจขึ้นภาษีของรัฐบาลญี่ปุ่นในครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางผลกระทบที่รุนแรงขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐ ความไม่แน่นอนของการที่อังกฤษจะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) และสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
การสำรวจดังกล่าวทำขึ้นโดยการสุ่มถามความเห็นจากประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง 741 ครัวเรือน และทำการสำรวจผ่านทางโทรศัพท์อีก 1,282 เลขหมาย โดยมีผู้ให้ความร่วมมือตอบแบบสำรวจจำนวน 514 และ 512 คนตามลำดับ