ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบ 95.70 จุด หรือ 0.36% เมื่อคืนนี้ (7 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจต่อผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ หลังจากมีรายงานว่า จีนไม่ต้องการทำข้อตกลงการค้าในวงกว้างตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต้องการ โดยความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณชะลอตัว
-- บริษัทเทคโนโลยีจีน 8 แห่งได้ถูกขึ้นบัญชีดำเมื่อวานนี้โดยคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งกล่าวหาว่าบริษัทเหล่านั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมในเขตซินเจียงทางตะวันตกของจีน
บริษัทดังกล่าวรวมถึงบริษัทกล้องวงจรปิด 2 แห่งได้แก่ บริษัทหางโจว ฮิควิชั่น ดิจิตอล เทคโนโลยี จำกัด และ บริษัทเจ้อเจียง ต้าหัว เทคโนโลยี จำกัด โดยครองตลาดมากถึง 1 ใน 3 ของตลาดโลกสำหรับกล้องวงจรปิด และตลาดกล้องทั่วโลก
การประกาศขึ้นบัญชีดำบริษัทจีนดังกล่าวมีขึ้นไม่กี่วันก่อนที่นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีของจีนมีกำหนดจะเดินทางถึงกรุงวอชิงตันเพื่อเจรจาการค้าซึ่งตลาดการเงินทั่วโลกเฝ้ารอดู
-- ตลาดหุ้นเอเชียมีแนวโน้มปรับตัวไร้ทิศทาง หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนรอดูการเจรจาการค้าของสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ ส่วนราคาพันธบัตรลดลง และดอลลาร์แข็งค่าขึ้น โดยนักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่ตลาดจีนซึ่งจะเปิดทำการอีกครั้งหลังจากช่วงวันหยุดยาวตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเนื่องในวันชาติ และจะจับตาสถานการณ์ในฮ่องกงหลังจากเกิดความรุนแรงเพิ่มขึ้น
ส่วนเงินลีราของตุรกีร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส. ค. หลังจากปธน.ทรัมป์ขู่ว่าจะทำลาย เศรษฐกิจของตุรกี หากตุรกีใช้ปฏิบัติการทางทหารโจมตีทางตอนเหนือของซีเรียจนเกินขอบเขต
-- นายเดวิด มัลพาสส์ ประธานธนาคารโลกเปิดเผยในการแถลงสุนทรพจน์เมื่อวานนี้ก่อนการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลกว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกกำลังถดถอยลงท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit), ความตึงเครียดทางการค้า และการชะลอตัวในยุโรป
การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ดูเหมือนอ่อนแอกว่าที่ธนาคารโลกคาดการณ์ไว้ในเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 2.6% ในปี 2562 และIMF ระบุว่าอาจปรับลดแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2562 ลงจากการคาดการณ์ในก.ค.ที่ระดับ 3.2% ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่วิกฤติการเงิน โดย IMF เตรียมเปิดเผยรายงานคาดการณ์ใหม่ในสัปดาห์หน้า
-- การเจรจาเรื่อง Brexit เริ่มขึ้นอีกครั้งในกรุงบรัสเซลส์ นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้รับการสนับสนุนจากศาล โดยผู้พิพากษาชาวสก็อตได้ตัดสินเข้าข้างนายจอห์นสันในกรณีที่อาจทำให้บังคับเขาให้ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่ต้องเลื่อนกำหนดการ Brexit ออกไป หากเขาไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับสหภาพยุโรป (EU)
ผู้พิพากษาดังกล่าวไม่ได้สนใจคำยืนยันของนายจอห์นสันที่จะไม่ขยายเวลา Brexit แต่ได้พึ่งพาการรับรองจากทนายความของรัฐบาลว่านายจอห์นสันจะเคารพกฎหมาย ซึ่งอาจทำให้เป็นการยากที่นายจอห์นสันจะทำให้อังกฤษต้องถอนตัวออกจาก EU โดยไม่มีข้อตกลงในวันที่ 31 ต.ค. ขณะเดียวกัน บรรดาเทรดเดอร์กำลังจับตาแนวโน้มสกุลเงินปอนด์มากขึ้นก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำ EU ในวันที่ 17-18 ต.ค.นี้
-- นายเจย์ เซคูโลว์ ทนายความของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความยินดีในวันนี้ หลังจากศาลอุทธรณ์สหรัฐให้การคุ้มครองชั่วคราวต่อปธน.ทรัมป์ หลังศาลแขวงสหรัฐมีคำสั่งให้ปธน.ทรัมป์ทำการเปิดเผยรายละเอียดการยื่นแบบชำระภาษีของเขา
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ของสหรัฐประจำรัฐนิวยอร์กมีคำสั่งฉุกเฉินให้การคุ้มครองชั่วคราวต่อปธน.ทรัมป์ โดยให้ชะลอการเปิดเผยรายละเอียดด้านภาษีตามคำสั่งของศาลแขวงสหรัฐ หากศาลอุทธรณ์สหรัฐไม่มีคำสั่งฉุกเฉินให้การคุ้มครองชั่วคราวในวันนี้ ปธน.ทรัมป์ก็จะต้องเปิดเผยรายละเอียดการยื่นแบบชำระภาษีของเขาในบ่ายวันนี้
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ ระบุว่า สหรัฐจะทำลายเศรษฐกิจของตุรกี หากตุรกีใช้ปฏิบัติการทางทหารโจมตีทางตอนเหนือของซีเรียจนเกินขอบเขต
"ตามที่ผมได้พูดอย่างแข็งกร้าวก่อนหน้านี้ และขอเน้นย้ำในขณะนี้ว่า หากตุรกีทำอะไรที่ผมมองว่าเกินขอบเขต ผมก็จะทำลายและล้มล้างเศรษฐกิจตุรกี (เหมือนที่ผมได้ทำมาแล้ว)" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความดังกล่าว หลังจากที่แกนนำพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน รวมทั้งผู้นำวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ออกมาโจมตีปธน.ทรัมป์ ซึ่งได้ออกคำสั่งให้สหรัฐถอนกองกำลังออกจากทางตอนเหนือของซีเรีย ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกองกำลังชาวเคิร์ด ซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐในการต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ก่อนที่กองทัพตุรกีจะทำการโจมตีกองกำลังชาวเคิร์ดในดินแดนดังกล่าว
-- สำนักข่าวทาสส์ของรัสเซียรายงานว่า นายโมฮัมเหม็ด บาร์คินโด เลขาธิการกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) กล่าวว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่โอเปกจะหารือกันเกี่ยวกับการเพิ่มการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อพยุงราคาน้ำมัน
ทั้งนี้ โอเปกสามารถบรรลุข้อตกลงกับรัสเซีย และผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกอีก 9 ประเทศในการประชุมเมื่อเดือนก.ค.ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เพื่อขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือน จนถึงสิ้นเดือนมี.ค.2563 จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.ปีนี้ โดยจะปรับลดกำลังการผลิตในอัตราเดิมที่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ เกาหลีใต้เปิดเผยดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนส.ค., ญี่ปุ่นเปิดเผยการใช้จ่ายภาคครัวเรือน, ออสเตรเลียเปิดเผยความเชื่อมั่นภาคธุรกิจจากเนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (NAB), จีนเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ย.จากไฉซิน, เยอรมนีเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค., ฝรั่งเศสเปิดเผยดุลการค้าเดือนส.ค., สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย.
ส่วนในวันพรุ่งนี้ สหรัฐเตรียมเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนส.ค., ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนส.ค., สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) (เช้าวันที่ 10 ต.ค.) เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย.