นายเดวิด มัลพาส ประธานธนาคารโลกเปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลง เนื่องจากความไม่แน่นอนในเรื่องการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ความขัดแย้งทางการค้า และการที่เศรษฐกิจยุโรปชะลอตัว
นายมัลพาสได้ออกมาเตือนเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอีกครั้ง โดยระบุว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ดูเหมือนจะอ่อนแอกว่าที่ธนาคารโลกคาดการณ์ไว้ในเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 2.6% สำหรับปี 2562 โดยในเดือนต.ค.นี้จะมีสถานการณ์สำคัญต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก เช่น การเจรจาการค้าระดับสูงระหว่างจีนกับสหรัฐที่จะเริ่มต้นอีกครั้งในสัปดาห์นี้ และการที่นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ลั่นวาจาว่าจะนำอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (EU) ในวันที่ 31 ต.ค. ไม่ว่าจะมีข้อตกลงหรือไม่ก็ตาม
ขณะเดียวกันตัวบ่งชี้เศรษฐกิจจากยุโรปนั้นส่งสัญญาณในเชิงลบ เนื่องจากการถดถอยในภาคการผลิตส่งผลเสียต่ออุปสงค์ในประเทศ
นอกจากนี้ นายมัลพาส ยังได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนต่ำ และ "เงินทุนแช่แข็ง (frozen capital)" โดยระบุว่าพันธบัตรมูลค่ากว่า 15 ล้านล้านดอลลาร์นั้น มีอัตราผลตอบแทนเป็นศูนย์หรือติดลบ