ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้อาจประสบความล้มเหลว หลังจากสหรัฐประกาศระงับการออกวีซ่าให้กับเจ้าหน้าที่จีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกดขี่ชาวมุสลิมในมณฑลซินเจียง
-- คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศระงับการออกวีซ่าให้กับเจ้าหน้าที่จีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกดขี่ข่มเหงและจับกุมชาวมุสลิมเป็นจำนวนมากในมณฑลซินเจียง
นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐได้ออกแถลงการณ์ในวันอังคารตามเวลาสหรัฐว่า "มาตรการที่เข้มงวดนี้จะบังคับใช้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลและพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่เชื่อว่ามีส่วนต้องรับผิดชอบ หรือรู้เห็น ในการกักขังหน่วงเหนี่ยว หรือทำร้ายชาวอุยกูร์ ชาวคาซัคสถาน หรือบรรดาชาวมุสลิมที่เป็นชนกลุ่มน้อยในมณฑลซินเจียงของจีน นอกจากนี้ มาตรการดังกล่าวยังมีผลบังคับใช้ถึงสมาชิกครอบครัวของเจ้าหน้าที่เหล่านั้นด้วย"
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศขึ้นบัญชีดำต่อบริษัทต่างๆของจีน 28 แห่ง โดยอ้างว่าบริษัทเหล่านี้ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนของชาวมุสลิม ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในเขตปกครองตนเองซินเจียง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ขึ้นบัญชีดำบริษัทจีนด้วยเหตุผลด้านสิทธิมนุษยชน จากเดิมที่เคยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ อย่างที่ได้เคยทำกับบริษัทหัวเว่ย
-- นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณถึงโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก เพื่อสกัดกั้นความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลก โดยย้ำว่า เฟดจะดำเนินการที่เหมาะสม ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มจะขยายตัวต่อเนื่อง
นายพาวเวลกล่าวในการประชุมประจำปีของสมาคมเศรษฐกิจธุรกิจแห่งชาติที่เมืองเดนเวอร์ ว่า แนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างยั่งยืนมาก
นายพาวเวลยังระบุด้วยว่า เฟดจะเริ่มเพิ่มงบดุลบัญชีในเร็วๆ นี้ เพื่อรับประกันว่า ตลาดทุนระยะสั้นของสหรัฐจะดำเนินการได้อย่างราบรื่นมากขึ้น
-- นายเกิง ชวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า จีนเตรียมตอบโต้สหรัฐ หลังจากที่สหรัฐได้ประกาศขึ้นบัญชีดำต่อบริษัทเทคโนโลยีของจีน 28 แห่ง โดยอ้างว่าบริษัทเหล่านี้ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนของชาวมุสลิม ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในเขตปกครองตนเองซินเจียง
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์จีนแถลงว่า จีนขอเรียกร้องอย่างจริงจังให้สหรัฐยุติการแทรกแซงกิจการภายในของจีน หลังจากที่สหรัฐได้ประกาศขึ้นบัญชีดำต่อบริษัทเทคโนโลยีของจีน
"เราขอเรียกร้องให้สหรัฐยุติการแสดงความเห็นที่ไม่รับผิดชอบเกี่ยวกับซินเจียง และยุติการแทรกแซงกิจการภายในของจีน รวมทั้งยกเลิกการขึ้นบัญชีดำของบริษัทจีนโดยเร็วที่สุด โดยจีนจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อรักษาผลประโยชน์ของจีน" แถลงการณ์ระบุ
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่เจรจาการค้าของจีนจะเดินทางกลับประเทศก่อนกำหนด โดยจะออกจากกรุงวอชิงตันในวันศุกร์นี้ ส่งผลให้โอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงการค้าริบหรี่ลง
-- สื่ออังกฤษพากันรายงานข่าวว่า การเจรจาข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ระหว่างนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และผู้นำของสหภาพยุโรป (EU) มีแนวโน้มที่จะประสบความล้มเหลว
ทั้งนี้ สำนักข่าว Sky News รายงานว่า นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ได้แจ้งต่อนายจอห์นสันว่า มีแนวโน้มอย่างมากที่ EU จะไม่รับข้อเสนอ Brexit ของนายจอห์นสัน
ส่วนสำนักข่าว BBC ระบุว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลอังกฤษรายหนึ่งกล่าวว่า EU ไม่ได้แสดงความสนใจต่อข้อเสนอของนายจอห์นสันแม้แต่น้อย นับตั้งแต่ที่เขายื่นข้อเสนอเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ด้านผู้นำ EU ต่างก็มีท่าทีขานรับอย่างเย็นชาต่อข้อเสนอของนายจอห์นสัน ขณะที่สัปดาห์นี้ถือเป็นสัปดาห์สุดท้ายที่ทั้งสองฝ่ายจะพยายามบรรลุข้อตกลง Brexit ก่อนที่อังกฤษจะแยกตัวออกจาก EU ในวันที่ 31 ต.ค. โดยนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของ EU ออกแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ข้อเสนอ Brexit ที่นายจอห์นสันยื่นต่อ EU ยังคงมีปัญหาหลายประการที่ต้องแก้ไข
-- ประธานคณะกรรมาธิการ 3 คณะในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเตรียมออกหมายศาลไปยังนายกอร์ดอน ซอนด์แลนด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหภาพยุโรป เพื่อให้นายซอนด์แลนด์เข้าให้การต่อทางคณะกรรมาธิการในคดีที่เกี่ยวข้องกับการถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
การออกหมายศาลดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ขัดขวางมิให้นายซอนด์แลนด์เข้าให้การต่อสภาคองเกรสในวันนี้
"เรามองว่าการแทรกแซงดังกล่าวเป็นการขัดขวางการไต่สวนคดีถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง โดยเราจะออกหมายศาลเพื่อให้ท่านทูตซอนด์แลนด์เข้าให้การ พร้อมกับมอบเอกสารที่เกี่ยวข้อง" แถลงการณ์ของคณะกรรมาธิการซึ่งออกร่วมกันโดยนายอดัม ชิฟฟ์ ประธานคณะกรรมาธิการข่าวกรอง, นายเอไลจาห์ คุมมิงส์ ประธานคณะกรรมาธิการตรวจสอบและปฏิรูป และนายอีเลียต เอนเจล ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศระบุ
-- นางคริสตาลินา จอร์จีวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า IMF เตรียมปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจโลกสำหรับปีนี้และปีหน้า ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นางจอร์จีวากล่าวว่า การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะส่งผลให้มูลค่าเศรษฐกิจของโลกลดลงราว 0.8% หรือ 7 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2563
"ขณะนี้เศรษฐกิจโลกกำลังชะลอตัวในวงกว้าง ซึ่งจะทำให้การขยายตัวในปีนี้ต่ำสุดในรอบ 10 ปี" นางจอร์จีวากล่าว
นางจอร์จีวายังระบุว่า การขยายตัวของการค้าในระดับโลกประสบภาวะชะงักงัน ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้า ซึ่งส่งผลให้การผลิตและการลงทุนทั่วโลกชะลอตัวลง
ผู้อำนวยการ IMF ยังกล่าวว่า ธนาคารกลางทั่วโลกควรรักษาอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ และรัฐบาลของประเทศต่างๆควรใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ IMF จะเปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (WEO) ในสัปดาห์หน้า
-- สหรัฐเตรียมเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ ได้แก่ สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนส.ค. ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนส.ค. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รวมถึงรายงานการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ซึ่งมีกำหนดการเปิดเผยตรงกับช่วงเช้าวันที่ 10 ต.ค. ตามเวลาไทย
ส่วนในวันพรุ่งนี้ ออสเตรเลียจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากเวสต์แพค ญี่ปุ่นเตรียมเปิดเผยยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนส.ค. ขณะที่เยอรมนีจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนส.ค.และดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนส.ค. อังกฤษเตรียมเปิดเผยดุลการค้าเดือนส.ค. ด้านสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย.