ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวก 181.97 จุด หรือ 0.70% เมื่อคืนนี้ (9 ต.ค.) ขานรับรายงานข่าวที่ว่า จีนพร้อมที่จะทำข้อตกลงการค้าบางส่วนกับสหรัฐ และจะเพิ่มการซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐ ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกที่ทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า การเจรจาการค้าของทั้งสองฝ่ายจะมีความคืบหน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเดือนนี้ หลังจากรายงานการประชุมในเดือนก.ย.บ่งชี้ว่า กรรมการเฟดมีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
-- นักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด โดยทางการจีนระบุว่า จีนยังคงเปิดกว้างเพื่อบรรลุข้อตกลงการค้าบางส่วนกับสหรัฐ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า จีนพยายามที่จะลดความเสียหายทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดว่า การเจรจาการค้าในวันที่ 10-11 นี้ ผู้แทนการค้าจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงส่วนใหญ่เพื่อยุติสงครามการค้าได้ ขณะที่หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า การเจรจาระดับรัฐมนตรีช่วยระหว่างสหรัฐและจีนซึ่งเป็นการปูทางสู่การเจรจาระดับรัฐมนตรีในสัปดาห์นี้ ยังไม่มีความคืบหน้าในประเด็นที่สำคัญ
-- กระทรวงกลาโหมระบุว่า ทางการตุรกีได้ส่งกองกำลังทหารบุกทางตอนตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย เพื่อต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ดซึ่งควบคุมบริเวณดังกล่าว โดยความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์สั่งการให้กองทัพสหรัฐล่าถอยออกมา
นายเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี ได้ประกาศการเริ่มต้นปฏิบัติการโจมตีเมื่อวานนี้โดยระบุว่า ปฏิบัติการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ในการกวาดล้างกลุ่มก่อการร้ายตามชายแดนทางใต้ของตุรกี อย่างไรก็ดี กองกำลังประชาธิปไตยแห่งซีเรีย (SDF) ซึ่งนำโดยกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ด แถลงว่า เครื่องบินรบของตุรกีได้โจมตีบริเวณที่อยู่อาศัยของพลเรือน ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกต่อประชาชน
-- นักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจฮ่องกงอาจหดตัวลงในปีนี้ หลังจากที่ได้หดตัวลงแล้วในไตรมาสสอง และคาดว่าภาวะหดตัวทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาสสาม โดยได้รับผลกระทบจากเหตุประท้วงในฮ่องกงซึ่งกระทบต่อทั้งภาคธุรกิจและการท่องเที่ยว และไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นตัวขึ้น
ทั้งนี้ ฮ่องกงเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วิกฤตการเงินโลก หลังได้รับผลกระทบจากการชุมนุมประท้วงที่รุนแรงและกินเวลายาวนานมากที่สุดในรอบทศวรรษ
โรงแรมหรูและห้างสรรพสินค้าชื่อดังไปจนถึงร้านค้าและร้านอาหารในย่านการท่องเที่ยวอย่างเซ็นทรัล, คอสเวย์ เบย์ และเกาลูน ต่างปิดให้บริการเร็วกว่าปกติหรือมีลูกค้าน้อยลง และถึงแม้จะเปิดให้บริการตามปกติ แต่บรรยากาศก็เป็นไปอย่างเงียบเหงาเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง
-- ผลสำรวจระบุว่า ผู้บริโภคจำนวน 1 ใน 3 ทั่วโลกต่างมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น แม้กระทั่งในตลาดใหญ่อย่างอินเดียและจีนต่างก็ซบเซาลง ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงมากกว่าเดิม โดยจีนระบุว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้อาจลดลงแตะที่ 6% ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่การขยายตัวของเศรษฐกิจอินเดียอ่อนแอที่สุดในรอบ 6 ปีในไตรมาส 3
-- รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานซึ่งไม่รวมเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมต่อเรือและสาธารณูปโภค ลดลง 2.4% ในเดือนส.ค. สู่ระดับ 8.753 แสนล้านเยน (ประมาณ 8.17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักร ซึ่งเป็นดัชนีวัดการใช้จ่ายด้านทุนของภาคเอกชนญี่ปุ่นนั้น ลดลงในเดือนส.ค. หลังจากที่ร่วงลง 6.6% ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
-- คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ย.เมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องถึงความจำเป็นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% สู่ระดับ 1.75-2.00% ในการประชุมซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 17-18 ก.ย.ที่ผ่านมา และยังเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการหารือกันในเร็วๆนี้ว่า เฟดควรจะเพิ่มขนาดของงบดุลหรือไม่
"กรรมการเฟดส่วนใหญ่เชื่อว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ถือเป็นการดำเนินการที่เหมาะสม" รายงานการประชุมระบุ
-- สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 123,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 7.05 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว และเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 3
ส่วนอัตราการเปิดรับสมัครงานลดลงสู่ระดับ 4.4% จากระดับ 4.5% ในเดือนก.ค.
การลดลงของตัวเลขการเปิดรับสมัครงานได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงของการจ้างงานในภาคเอกชน
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในวันนี้ โดยออสเตรเลียจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากเวสต์แพค ขณะที่เยอรมนีจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนส.ค.และดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนส.ค. อังกฤษเตรียมเปิดเผยดุลการค้าเดือนส.ค. ด้านสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย.
ส่วนในวันพรุ่งนี้ เยอรมนีเตรียมเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย. ขณะที่สหรัฐเตรียมเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน