ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 150.66 จุด หรือ 0.57% เมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่าจะพบปะกับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งเป็นผู้นำคณะเจรจาการค้าของจีนในวันนี้ โดยข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะมีความคืบหน้า นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของราคาหุ้นแอปเปิลยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาด
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้แสดงมุมมองด้านบวกว่า การเจรจาวันแรกระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและจีน เป็นไปอย่างราบรื่น
"การเจรจาวันแรกเป็นไปอย่างราบรื่นมากๆ เรามีการพูดคุยที่ดีมากๆกับฝั่งจีน และเชื่อว่าทั้งสองฝ่ายน่าจะได้ข้อสรุปในประเด็นทั่วไป เราจะเจรจากับจีนต่อในวันศุกร์ สิ่งที่เห็นในขณะนี้คือ การเจรจาเป็นไปด้วยดี" ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาว
การเจรจาระดับรัฐมนตรีระหว่างสหรัฐและจีนได้เริ่มขึ้นในวันพฤหัสบดี และจะมีการหารือกันต่อในวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐ โดยนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน เป็นผู้นำคณะเจรจาการค้าของจีน ขณะที่ฝ่ายสหรัฐนำโดยนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR)
ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่า เขาจะพบปะกับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ที่ทำเนียบขาวในวันศุกร์ ซึ่งทำให้มีความหวังว่าสหรัฐและจีนจะมีความคืบหน้าในการเจรจาการค้า
-- จับตาตลาดหุ้นเอเชียวันนี้ คาดปรับตัวเพิ่มขึ้นตามดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กซึ่งปิดบวกเมื่อคืนนี้ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าจะพบปะกับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งเป็นผู้นำคณะเจรจาการค้าของจีนในวันนี้ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะมีความคืบหน้า
-- นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และนายลีโอ วารัดคาร์ นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ได้พบปะกันในวันนี้ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
หลังการประชุม ทั้งสองฝ่ายออกแถลงการณ์ระบุว่า "ผู้นำทั้งสองมีการหารือในเชิงสร้างสรรค์ และเชื่อว่าการทำข้อตกลงจะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย และเห็นพ้องกันว่ายังคงมีทางที่จะบรรลุข้อตกลง"
นายจอห์นสันกล่าวก่อนหน้านี้ว่า เขายังคงเชื่อว่าอังกฤษจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับสหภาพยุโรป
-- สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย.-ส.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ เมื่อเทียบกับการขยายตัว 0.1% ในเดือนพ.ค.-ก.ค.
อย่างไรก็ดี ตัวเลข GDP ประจำเดือนส.ค.ลดลง 0.1% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัว ส่วน GDP ในเดือนก.ค.มีการขยายตัว 0.4%
ONS ระบุว่า เศรษฐกิจอังกฤษหดตัวลงในไตรมาส 2 โดยได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) และหากเศรษฐกิจอังกฤษหดตัวในไตรมาส 3 ก็จะส่งผลให้เศรษฐกิจอังกฤษเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากเศรษฐกิจหดตัวลง 2 ไตรมาสติดต่อกัน แต่ ONS ระบุว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะต้องหดตัว 1.5% ในเดือนก.ย. จึงจะทำให้เศรษฐกิจโดยรวมหดตัวในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก
-- กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 โดยระบุถึงข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอเกินคาดในเอเชีย-แปซิฟิก
ทั้งนี้ โอเปกปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันในช่วงที่เหลือของปีนี้ สู่ระดับ 0.98 ล้านบาร์เรล/วัน โดยลดลง 40,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนก.ย.
อย่างไรก็ดี โอเปกยังคงตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันในปีหน้าที่ระดับ 1.08 ล้านบาร์เรล/วัน
-- นายโมฮัมเหม็ด บาร์คินโด เลขาธิการกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) กล่าวว่า โอเปกจะจัดการประชุมในเดือนธ.ค.เพื่อกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันสำหรับปี 2563
นายบาร์คินโดกล่าวว่า ในการประชุมดังกล่าว โอเปกจะพิจารณาทุกทางเลือกเพื่อสร้างความสมดุล และเสถียรภาพต่อตลาดน้ำมันในปีหน้า
โอเปกบรรลุข้อตกลงกับรัสเซีย และผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกอีก 9 ประเทศในการประชุมเมื่อเดือนก.ค.ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เพื่อขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือน จนถึงสิ้นเดือนมี.ค.2563 จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.ปีนี้ โดยจะปรับลดกำลังการผลิตในอัตราเดิมที่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปทรงตัว หรือเพิ่มขึ้น 0% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค. การชะลอตัวของดัชนี CPI ทั่วไปได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของราคาพลังงาน และรถยนต์ แม้ว่าราคาอาหารปรับตัวขึ้น
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 ราย สู่ระดับ 210,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 219,000 ราย
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ สหรัฐเตรียมเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย. เวลา 19.30 น. ตามเวลาไทย ต่อด้วยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน เวลา 21.00 น.