World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 17 ตุลาคม 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 17, 2019 09:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกลดลง 0.3% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 7 เดือน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ส่งสัญญาณว่าการใช้จ่ายผู้บริโภคที่เคยเป็นปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานั้น กำลังชะลอตัวลง

ความกังวลเกี่ยวกับการหดตัวของยอดค้าปลีกสหรัฐได้ฉุดตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงเมื่อคืนนี้ และยังส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนในช่วงเช้านี้ด้วย

-- สถานการณ์ความไม่สงบในฮ่องกงเริ่มส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างรุนแรง เนื่องจากนักลงทุนมองว่า การประท้วงในฮ่องกงได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นในประเทศอื่น ๆ หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐผ่านร่างกฎหมายสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยของฮ่องกง

ขณะเดียวกัน นางแคร์รี ลัม ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกง เปิดเผยในระหว่างการแถลงนโยบายประจำปีเมื่อวานนี้ เมื่อพิจารณาจากปัจจัยทางเทคนิคแล้ว เธอคาดว่าเศรษฐกิจฮ่องกงจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัวลง และเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่ยืดเยื้อเป็นเวลาหลายเดือน

-- โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนได้ออกแถลงการณ์ว่า จีนมีความรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก และต่อต้านสหรัฐอย่างรุนแรง หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐผ่านร่างกฎหมายสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยของฮ่องกง

ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ด้วยการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งจะกำหนดให้มีการทบทวนเป็นรายปีว่าฮ่องกงได้รับอำนาจในการปกครองตนเองเพียงพอจากจีนหรือไม่ในการพิจารณาให้สิทธิพิเศษทางการค้ากับฮ่องกง ภายใต้กฎหมายของสหรัฐ

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของสหรัฐสร้างความไม่พอใจให้กับจีนอย่างมาก โดยล่าสุดทางการจีนได้ออกมาขู่ว่าจะตอบโต้และใช้มาตรการที่แข็งกร้าว หากร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสเต็มคณะและมีการบังคับใช้เป็นกฎหมาย จนนำไปสู่การทบทวนสิทธิพิเศษทางการค้ากับฮ่องกง

-- การประชุมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และผู้นำในสภาคองเกรสเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในตุรกีและซีเรียปิดฉากลงท่ามกลางคำดูหมิ่นและข้อโต้แย้งมากมาย โดยนางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ปธน.ทรัมป์ "กลัว" ความจริงที่ว่า การลงมติของวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันเมื่อวานนี้จะทำให้ปธน.ทรัมป์ถูกประณามหลังจากที่สั่งถอนกำลังทหารออกจากซีเรีย

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ยังคงยืนยันว่า การถอนกองทัพสหรัฐออกจากซีเรียนั้นเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมในเชิงยุทธศาสตร์ และไม่ได้แสดงความกังวลว่า การถอนทหารออกจากซีเรียจะทำให้ชาวเคิร์ดต้องต่อสู้กับกองทัพตุรกีแต่เพียงลำพัง รวมทั้งการที่รัสเซียเข้าไปมีอิทธิพลในพื้นที่ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐยังกล่าวด้วยว่า ซีเรียอาจจะต้องการความช่วยเหลือจากรัสเซีย และเรื่องนี้ก็ถือว่าไม่เป็นไร

สหรัฐได้ตัดสินใจถอนกองทัพออกจากซีเรีย ทั้งๆที่ตุรกียังคงเดินหน้าส่งทหารเข้าไปยังพื้นที่ทางตอนเหนือของซีเรีย และไม่สนใจข้อเสนอในการหยุดพักรบแต่อย่างใด

-- ผู้นำในสหภาพยุโรปเตรียมเปิดประชุมในกรุงบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยียม เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป โดยมีสัญญาณว่า ทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ หลังจากที่มีความก้าวหน้าเกี่ยวกับมาตรการควบคุมชายแดนไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร กับสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นรัฐสมาชิกของสหภาพยุโรป

-- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ออกโรงเตือนถึงการดำเนินการที่ก่อให้เกิดความเปราะบางในภาคธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารและบริษัทในประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ท่ามกลางนโยบายผ่อนคลายด้านการเงินที่ใช้กันอยู่ทั่วโลก

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า IMF ได้ระบุในรายงานเสถียรภาพการเงินโลกว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ได้เกิดความขัดแย้งทางการค้าและสถานการณ์พลิกผันซึ่งส่งผลต่อตลาดการเงิน ความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่อนอตวัลง และความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงช่วงขาลงที่เพิ่มขึ้นของเศรษฐกิจโลก

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เปิดเผยว่า ข้อตกลงการค้ากับจีนนั้น อาจจะไม่มีการลงนามกันจนกว่าที่ตนเองจะประชุมร่วมกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในการประชุมสุดยอดเอเปค ซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศชิลีในเดือนพ.ย.นี้

ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า จีนได้เริ่มซื้อสินค้าจากเกษตรกรแล้ว ขณะที่ข้อตกลงการค้าบางส่วนที่ได้มีการประกาศไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการอย่างเป็นทางการด้านเอกสาร

-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ "Beige Book" เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวเล็กน้อยในเดือนก.ย.จนถึงช่วงต้นเดือนต.ค. ขณะที่บริษัทเอกชนจำนวนมากมีมุมมมองเป็นลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงหลายเดือนข้างหน้า โดยรายงานดังกล่าวถือเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่า นโยบายการค้าของสหรัฐยังคงส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศ

ทั้งนี้ การเปิดเผยรายงาน Beige Book ครั้งล่าสุดนี้ มีขึ้นก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของเฟดครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 29-30 ต.ค.นี้

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) รายงานในวันนี้ว่า อัตราว่างงานเดือนก.ย. ลดลงสู่ระดับ 5.2% ขณะที่ตัวเลขจ้างงานใหม่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 14,700 ตำแหน่ง โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตัวเลขจ้างงานแบบเต็มเวลา

ทั้งนี้ ตัวเลขจ้างงานใหม่แบบเต็มเวลาในเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 26,200 ตำแหน่ง ขณะที่ตัวเลขจ้างงานพาร์ทไทม์ ลดลง 11,400 ตำแหน่ง

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในวันนี้ โดยอังกฤษเตรียมเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ย. ขณะที่สหรัฐเตรียมเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ย. ดัชนีการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และการผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนก.ย.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย. ขณะที่จีนเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3,ยอดค้าปลีกเดือนก.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย. และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนก.ย. ทางด้านสหรัฐเตรียมเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ย.จาก Conference Board


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ