บรรดานักลงทุนมีเหตุผลมากขึ้นที่จะวิตกว่า การปล่อยสินเชื่ออย่างง่ายดายให้กับบริษัทที่มีความเสี่ยงสูงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อาจทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นเมื่อภาวะเศรษฐกิจเข้าสู่ขาลงครั้งต่อไป
สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P) เปิดเผยจำนวนบริษัทที่อ่อนแอที่สุด (weakest link) แตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีที่ 263 แห่งในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2552 และเป็นช่วงที่เกิดวิกฤตสินเชื่อ เนื่องจากการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัททั่วโลกที่ถูกจัดอันดับสำหรับการลงทุนแบบเก็งกำไร (speculative-grade) ได้พุ่งขึ้นสู่ระดับ 10.5%
อย่างไรก็ตาม การผิดนัดชำระหนี้ในตลาดหุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงสูง (junk bond) มูลค่าราว 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ ไม่ได้อยู่ในระดับวิกฤตในขณะนี้ แต่ S&P มองว่า บริษัทหลายร้อยแห่งอาจเผชิญความยากลำบาก (กระเสือกกระสน,ล้มลุกคลุกคลาน) หากสภาวะต่างๆ เลวร้ายลง
S&P ระบุว่า บริษัทที่ถูกจัดอยู่ในรายชื่อบริษัทอ่อนแอที่สุดนั้นต้องมีอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ B- หรือต่ำกว่า และมีแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในเชิงลบ
สำหรับบริษัทใหม่ที่เพิ่งถูกรวมเข้าในรายชื่อดังกล่าวได้แก่ บริษัทบลู ริบบอน อินเทอร์มีเดียท โฮลดิ้งส์ ผู้ผลิตเบียร์ยี่ห้อ Old Milwaukee และบริษัทอนาสตาเชีย โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการสายการบินแบบเช่าเหมาลำ
ทีมนักวิเคราะห์ของ S&P ที่นำโดยนายนิโคล เซริโนระบุว่า อัตราการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทใน weakest links สูงกว่าบริษัทในกลุ่มที่มีอันดับเครดิตที่ BB+ หรือต่ำกว่า อยู่เกือบ 8 เท่า และบริษัทดังกล่าวทั้งหมดอาจบ่งชี้ว่า อัตราการผิดนัดชำระหนี้จะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต