กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของเอเชียมีแนวโน้มค่อนข้างน่าเป็นห่วง เมื่อประเมินจากผลกระทบจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ประกอบกับการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นประเทศที่มีอิทธิพลต่อหลาย ๆ ประเทศในเอเชีย
ผู้อำนวยการแผนกเอเชียแปซิฟิกของ IMF เปิดเผยว่า ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนอาจกระทบต่อความเชื่อมั่น จนส่งผลให้การค้า การลงทุน และการเติบโตต้องแผ่วลงไปด้วย ขณะที่การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนอาจทำให้ประเทศอื่น ๆ ในเอเชียที่มีห่วงโซ่อุปทานด้วยกันนั้นได้รับผลกระทบไปด้วย
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการแผนกเอเชียแปซิฟิกได้เรียกร้องให้บรรดาผู้กำหนดนโยบายของประเทศต่าง ๆ หามาตรการทางการเงินในระยะสั้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในแต่ละประเทศให้เติบโต
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลัง IMF เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกสู่ระดับ 3.0% ในปีนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกในปี 2551-52 จากเดิมที่คาดการณ์ในเดือนก.ค.ที่ระดับ 3.2%
นอกจากนี้ IMF ยังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้าสู่ระดับ 3.4% จากเดิมที่ระดับ 3.5%
IMF ระบุว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้า, ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์, การชะลอตัวของเศรษฐกิจในตลาดเกิดใหม่ การขยายตัวของประสิทธิภาพการผลิตที่ระดับต่ำ รวมทั้งการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว