World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 21 ตุลาคม 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Monday October 21, 2019 09:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลง 255.68 จุด หรือ 0.95% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยถูกกดดันจากข่าวเชิงลบเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐ อาทิ บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และบริษัทโบอิ้ง รวมไปถึงการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาจากจีน ซึ่งทำให้นักลงทุนลังเลที่จะเข้าซื้อหุ้น แม้บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งก็ตาม

-- บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ได้ประกาศเรียกคืนแป้งเด็ก 33,000 กระป๋องในสหรัฐเมื่อวันศุกร์ หลังจากสำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐ ตรวจพบแร่ใยหินจากตัวอย่างแป้งที่สั่งซื้อทางออนไลน์

ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่ J&J เรียกคืนแป้งเด็กเนื่องจากความเป็นไปได้ในการปนเปื้อนแร่ใยหิน และนับเป็นครั้งแรกที่หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐได้ประกาศการตรวจพบแร่ใยหินในผลิตภัณฑ์ดังกล่าว

สำหรับแร่ใยหินนั้นเป็นสารก่อมะเร็งที่เกี่ยวพันกับโรคมะเร็งเยื่อหุ้มปอด

-- ราคาหุ้นโบอิ้งร่วงลงอย่างหนักในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ หลังจากมีรายงานว่า อดีตนักบินทดสอบของบริษัทโบอิ้งได้ส่งข้อความบอกกับเพื่อนร่วมงานรายหนึ่งว่า เขาได้ทำให้ผู้ควบคุมกฎระเบียบการบินเข้าใจผิดโดยไม่ตั้งใจเกี่ยวกับปัญหาของระบบควบคุมการบิน ซึ่งได้ถูกระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX ตกสองครั้งในอินโดนีเซียและในเอธิโอเปีย

นายมาร์ค ฟอร์คเนอร์ นักบินของโบอิ้งได้ส่งข้อความบอกกับพนักงานอีกคนของโบอิ้งในปี 2559 ว่า ระบบการบินที่เรียกว่า MCAS นั้นแย่มาก และ ยากที่จะควบคุม ในขณะที่เขาได้ทำการทดสอบระบบดังกล่าวในการจำลองการบินครั้งหนึ่ง

นายฟอร์คเนอร์ซึ่งต่อมาได้ขึ้นเป็นหัวหน้านักบินด้านเทคนิคของโบอิ้งสำหรับเครื่องรุ่น 737 กล่าวยอมรับว่า เขาได้โกหกเจ้าหน้าที่ควบคุมด้านกฎระเบียบ (โดยไม่รู้ตัว) เกี่ยวกับระบบ MCAS

-- สถานการณ์ที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) เริ่มส่งสัญญาณไม่แน่นอน หลังจากสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษลงมติเลื่อนการตัดสินใจรับรองข้อตกลงการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ฉบับของนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน

สภาผู้แทนราษฎรอังกฤษได้ลงมติด้วยคะแนนเสียง 322 ต่อ 306 เสียง ให้เลื่อนการตัดสินใจรับรองข้อตกลง Brexit ฉบับของนายกรัฐมนตรีจอห์นสัน โดยระบุให้ยับยั้งข้อตกลง Brexit ไปจนกว่าจะมีการผ่านร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก่อน

การตัดสินใจให้เลื่อนการลงมติของรัฐสภาในครั้งนี้ ทำให้นายจอห์นสันต้องยื่นจดหมายไปยัง EU เพื่อขอเลื่อนเวลา Brexit ขณะเดียวกันนายจอห์นสันได้เปิดเผยหลังการลงมติครั้งนี้ว่า เขาจะเสนอให้รัฐสภาลงมติข้อตกลง Brexit อีกครั้งในสัปดาห์นี้ และจะพยายามให้ทุกอย่างจบลงตามกำหนดเวลาเดิม

-- ประเทศกลุ่ม G20 เห็นพ้องร่วมกันว่า ยังไม่สมควรที่จะนำสกุลเงินดิจิทัลมาใช้ทั่วโลก เว้นเสียแต่ว่า ได้มีการจัดการกับความเสี่ยงที่ร้ายแรงของการฟอกเงินและการเงินที่ผิดกฎหมายแล้ว ซึ่งความเห็นดังกล่าวส่งผลกระทบต่อแผนการของบริษัทเฟซบุ๊กที่จะเปิดตัวสกุลเงินลิบรา (Libra) ในปีหน้า

หลังเสร็จสิ้นการประชุมที่กรุงวอชิงตันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รมว.คลังกลุ่ม G20 ได้แสดงการสนับสนุนสำหรับความพยายามอย่างต่อเนื่องในการสร้างกฎเกณฑ์การจัดเก็บภาษีระหว่างประเทศ เพื่ออุดช่องโหว่ที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านไอทีใช้ เช่น บริษัทกูเกิล แอลแอลซี เพื่อลดภาษีนิติบุคคล

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เขาจะไม่ใช้สนามกอล์ฟของตัวเองในรัฐฟลอริดาเป็นสถานที่จัดการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G7 ในปี 2563 เนื่องจากต้องเผชิญเสียงวิจารณ์จากพรรคเดโมแครตและสื่อมวลชน

ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความว่า "จากเสียงวิจารณ์ของสื่อ พวกเดโมแครตที่ไร้เหตุผล และคนที่เป็นปรปักษ์กับผม เราจะไม่พิจารณาใช้ ทรัมป์ เนชั่นแนล โดรัล ที่ไมอามี เป็นสถานที่จัดประชุม G7 ในปี 2563 อีกต่อไป เราจะหาสถานที่ใหม่ทันที และเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นที่ แคมป์ เดวิด"

-- Lowy Institute ซึ่งเป็นสถาบันวิเคราะห์ของออสเตรเลีย ได้เรียกร้องให้จีนออกมาตรการควบคุมการปล่อยกู้แก่ประเทศในภูมิภาคแปซิฟิกใต้ เนื่องจากกังวลว่าประเทศเหล่านี้อาจติดกับดักหนี้สินกับประเทศจีน เพราะจีนยังไม่มีกลไกป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น

รายงานดังกล่าวมีขึ้น หลังจีนถูกมองว่ากำลังสร้างอิทธิพลในภูมิภาคนี้ ด้วยการให้เงินทุนและช่วยสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ทั้งในเรื่องระบบคมนาคมและสาธารณูปโภค เมื่อเทียบกับสหรัฐและออสเตรเลียที่เน้นในเรื่องระบบสาธารณสุข การศึกษา และการปกครอง

รายงานจากสถาบันดังกล่าวระบุว่า ในช่วงปี 2554-2561 จีนได้ทำภาระผูกพันวงเงินสินเชื่อในภูมิภาคนี้ไปประมาณ 6 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 21% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) โดยประเทศแถบแปซิฟิกใต้ที่เป็นลูกหนี้จีน ได้แก่ หมู่เกาะคุก ฟิจิ ปาปัวนิวกินี ซามัว ตองกา และวานูอาตู

-- กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยรายงานเบื้องต้นในวันนี้ว่า ญี่ปุ่นขาดดุลการค้ามูลค่า 1.23 แสนล้านเยน หรือประมาณ 1.13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนก.ย.

รายงานของกระทรวงระบุว่า ยอดส่งออกในเดือนก.ย.ร่วงลง 5.2% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ยอดนำเข้าลดลง 1.5%

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยเยอรมนีเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย. ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย. ทางด้านสหรัฐเตรียมเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย. และดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดริชมอนด์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ