นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้กล่าวแสดงความเห็นว่า กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วยังคงมีโอกาสที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มอีก แม้อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในภาวะติดลบแล้วก็ตาม โดยการแสดงความเห็นดังกล่าวอาจเป็นการส่งสัญญาณว่า BOJ จะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หากมีความจำเป็น
"ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วนั้น การเดินหน้าผ่อนคลายการเงินแม้จะยังมีข้อจำกัดอยู่ แต่ในสถานการณ์เช่นปัจจุบัน มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมนโยบายผ่อนคลายการเงิน" นายคุโรดะกล่าวต่อที่ประชุมด้านเศรษฐกิจและการเงินระหว่างประเทศในกรุงวอชิงตันเมื่อวานนี้
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบของ BOJ ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 2559 โดยมีเป้าหมายที่จะบรรเทาแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการกู้ยืมของภาคธุรกิจและสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ต้องรับภาระค่าธรรมเนียมการกันเงินสำรองไว้กับธนาคารกลาง ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำไรของธนาคารเหล่านั้น
อย่างไรก็ดี นายคุโรดะกล่าวว่า ในระบบการธนาคารของญี่ปุ่นนั้น ยังมีการขยายสินเชื่อเงินกู้อยู่ต่อไป แต่ว่าผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นกับภาคธนาคารควรได้รับการใส่ใจและมีการวิเคราะห์อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะเมื่อ BOJ ตัดสินใจใช้มาตรการผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติม
นายคุโรดะ ย้ำว่า การผสานรวมนโยบายผ่อนคลายการเงินเข้ากับนโยบายการคลังที่มีความยืดหยุ่นและการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ อาจเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ ในการรับมือกับแรงกดดันขาลงในระบบเศรษฐกิจ
การแสดงความเห็นดังกล่าว ส่งผลให้การประชุมนโยบายการเงินของ BOJ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 30-31 ต.ค. ถูกจับตาอีกครั้งว่า BOJ จะเดินตามธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในการใช้มาตรการผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติมหรือไม่ ท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนและแรงกดดันจากความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐ