ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) เปิดเผยหนังสือเล่มใหม่ในวันนี้ ระบุว่า ประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียจำเป็นต้องลงทุนมากกว่า 5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในทศวรรษหน้า เพื่อตอบสนองความต้องการด้านโครงสร้างพื้นฐานของเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
หนังสือดังกล่าวมีชื่อว่า Infrastructure Financing in Asia ซึ่งระบุว่า ปัจจุบันประเทศกำลังพัฒนาจำนวนมากในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ลงทุนน้อยกว่า 5% ของ GDP สำหรับการพัฒนาด้านสาธารณูปโภค
เมื่อประเมินจากอัตราดังกล่าวแล้ว หนังสือดังกล่าวระบุว่า การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรักษาการขยายตัวและการพัฒนาทางเศรษฐกิจให้ยั่งยืนนั้นจะกลายเป็นเรื่องท้าทาย
รายงานของ ADB ฉบับหนึ่งประมาณการว่า ความต้องการด้านสาธารณูปโภคในประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียและแปซิฟิกจะสูงเกิน 22.6 ล้านล้านดอลลาร์จนถึงปี 2573 หรือ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
การประมาณการดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นสูงกว่า 26 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี เมื่อรวมค่าใช้จ่ายในการลดและปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
เพื่อจัดการกับความท้าทายนี้ หนังสือของ ADB ได้แนะนำวิธีการดำเนินนโยบายที่หลากหลาย เช่น การปฏิรูปการคลังสาธารณะและสถาบันต่าง ๆ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หนังสือเล่มนี้นำเสนอวิธีรับมือในรูปแบบของการระดมทุนจากภาษี การลงทุนระบบขนส่งมวลชน และการลงทุนด้านกริดพลังงานอัจฉริยะ เพื่อช่วยตอบสนองช่องว่างในการระดมทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน
หนังสือเล่มนี้ยังได้สำรวจวิธีระดมทุนทางเลือกอื่น ๆ เพื่อปลดล็อกเงินทุนระยะยาวจากนักลงทุนสถาบัน และเสนอกลไกในการเจาะตลาดตราสารหนี้ในภูมิภาคด้วย