สภาสามัญชนหรือสภาล่างของอังกฤษลงมติเห็นชอบต่อญัตติจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ โดยจะเป็นการเลือกตั้งที่อังกฤษจัดขึ้นในเดือนธ.ค. เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 100 ปี
ประชาชนมากกว่า 46 ล้านคนในอังกฤษ, สกอตแลนด์, เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ จะเข้าร่วมในการเลือกตั้งรัฐสภาในเดือนธ.ค.เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2466
สภาสามัญชนลงมติด้วยคะแนนเสียง 438 เสียงเห็นชอบต่อญัตติจัดการเลือกตั้งในวันที่ 12 ธ.ค. ขณะที่ 20 เสียงไม่เห็นชอบต่อข้อเสนอของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษที่ขอให้รัฐสภาอนุมัติจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนด
ชัยชนะที่สำคัญสำหรับนายกรัฐมนตรี
นายจอห์นสันเรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งในวันที่ 12 ธ.ค. แต่ญัตติของพรรคแรงงานซึ่งเป็นฝ่ายค้านต้องการให้เลือกตั้งเร็วขึ้นในวันที่ 9 ธ.ค.
ทั้งนี้ ญัตติของพรรคแรงงานพ่ายแพ้ในการลงมติ โดยมีเสียงสนับสนุน 295 เสียง และเสียงคัดค้าน 315 เสียง ซึ่งนับเป็นชัยชนะครั้งใหญ่สำหรับนายจอห์นสัน หลังจากที่เขาประสบความพ่ายแพ้ในสภาสามัญชนหลายครั้งในการลงมติเกี่ยวกับกระบวนการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) นับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
แม้ว่าญัตติดังกล่าวจะต้องได้รับการอนุมัติจากสภาขุนนางหรือสภาสูงของอังกฤษในสัปดาห์นี้ และจะต้องได้รับความยินยอมจากสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธก่อนที่จะประกาศเป็นกฎหมายนั้น แต่การที่ญัตติได้ผ่านการอนุมัติญัตติอย่างรวดเร็วในสภาสามัญชนถือเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า ญัตติดังกล่าวจะไม่เผชิญกับอุปสรรคอีกต่อไป
สมาชิกสภาจากพรรคฝ่ายค้านยังได้ผลักดันญัตติที่ตั้งใจจะให้สิทธิในการลงคะแนนเสียงกับพลเมืองของสหภาพยุโรป (EU) จำนวน 3.4 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในอังกฤษ รวมถึงการลดข้อจำกัดด้านอายุผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงลงจาก 18 ปี เป็น 16 ปี เพื่อให้คนหนุ่มสาวอีกหลายล้านคนได้มีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง
นายลินด์เซย์ ฮอยล์ รองประธานสภาสามัญชนได้ปฏิเสธญัตติทั้งสองดังกล่าว
ขณะที่สื่อมวลชนจำนวนหนึ่งในลอนดอนกล่าวว่า นายจอห์นสันเตรียมพร้อมที่จะยกเลิกแผนการเลือกตั้งโดยสิ้นเชิง หากมีการเห็นชอบญัตติของพรรคฝ่ายค้าน
อย่างไรก็ดี นายฮอยล์ยอมรับญัตติที่เสนอโดยนายแคท สมิธ ส.ส.พรรคแรงงานที่ต้องการให้จัดเลือกตั้งในวันที่ 9 ธ.ค. แทนที่จะเป็นวันที่ 12 ธ.ค.ตามที่นายจอห์นสันเสนอ แต่ญัตติดังกล่าวไม่ผ่านความเห็นชอบ
ทั้งนี้ การเลือกตั้งทั่วประเทศในอังกฤษส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีในเดือนพ.ค.
รัฐสภาอังกฤษจะปิดสมัยประชุมในกลางสัปดาห์หน้าเพื่อปูทางสำหรับการเลือกตั้งทั่วประเทศ
การเลือกตั้งเพื่อ Brexit
การเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่นี้คาดว่าจะมุ่งเน้นไปที่ข้อตกลง Brexit ของนายจอห์นสันเป็นหลัก เพื่อให้อังกฤษถอนตัวจากการเป็นสมาชิก EU ในวันที่ 31 ม.ค.หรือเร็วกว่านั้น หากรัฐสภาชุดใหม่สนับสนุนกฏหมายการถอนตัวออกจาก EU
ความพยายามของนายจอห์นสันในการผลักดันกระบวนการ Brexit เท่ากับเป็นการขัดขวางการเรียกร้องของพรรคฝ่ายค้านให้มีการลงประชามติครั้งที่สอง หรือยกเลิกแผน Brexit โดยสิ้นเชิง
นายจอห์น เคอร์ทิซ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเลือกตั้งจากมหาวิทยาลัยสแตรธไคลด์กล่าวกับสถานีวิทยุ LBC ในลอนดอนเมื่อวานนี้ว่า ผลการเลือกตั้งมีทางเดียวคือ นายบอริส จอห์นสันต้องชนะเท่านั้น
นายเคอร์ติซคาดว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของจอห์นสันจะประสบความล้มเหลวในการชนะเสียงส่วนใหญ่โดยรวม
"การคาดการณ์ที่ปลอดภัยที่สุดคือเราจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมและพรรคแรงงานจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ในรัฐสภานี้" นายเคอร์ติซกล่าว
เขากล่าวว่า พรรค Scottish National Party (SNP) มีแนวโน้มที่จะชนะการเลือกตั้งส่วนใหญ่ในสกอตแลนด์ ขณะที่คาดว่าพรรค Liberal Democrats ก็จะได้คะแนนเสียงจำนวนมาก ซึ่งหมายความว่า สมาชิกรัฐสภาชุดใหม่จำนวนมากกว่า 100 คน จะไม่ใช่สมาชิกของพรรคอนุรักษ์นิยมหรือพรรคแรงงาน
นายเคอร์ติซกล่าวว่า "ถ้านายจอห์นสันไม่ได้รับเสียงข้างมาก เขาก็จะไม่สามารถอยู่ในรัฐบาลได้ เพราะพรรคอนุรักษ์นิยมไม่มีพันธมิตรจากพรรคอื่นๆ"
หนังสือพิมพ์เดลี่ เทเลกราฟแสดงความคิดเห็นเมื่อวานนี้ว่า การเลือกตั้งทั่วไปในเดือนธ.ค.อาจเป็นประโยชน์สำหรับพรรคอนุรักษ์นิยม และจะได้เห็นพวกเขากลับไปเป็นรัฐบาลที่มีเสียงข้างมาก
ในขณะเดียวกัน รายงานของสื่อระบุว่า เมื่อคืนวานนี้ สำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษเริ่มรับส.ส.กบฏของพรรคอนุรักษ์นิยมจำนวน 10 คนกลับเข้าเป็นสมาชิกพรรคแล้ว หลังจากที่ส.ส.ทั้งหมด 21 คนถูกไล่ออกจากพรรคในช่วงฤดูร้อนปีนี้ หลังลงคะแนนเสียงคัดค้านรัฐบาลเกี่ยวกับ Brexit
ทั้งนี้ หากส.ส.กบฏที่พรรคอนุรักษ์นิยมรับกลับเข้ามาเป็นสมาชิกรัฐสภา ก็จะทำให้พรรคอนุรักษ์นิยมของนายจอห์นสันมีคะแนนเสียง 298 เสียงจาก 650 เสียง ขณะที่พรรคแรงงานมี 244 เสียง, พรรค SNP มี 35 เสียง, พรรค Liberal Democrats มี 19 เสียง และ พรรค Democratic Unionist Party (DUP) มี 10 เสียง