ที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) เปิดเผยรายงานวิจัย ระบุว่า ผู้บริโภคในสหรัฐกำลังแบกรับผลกระทบจากการที่สหรัฐเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนนับตั้งแต่กลางปี 2561
ในรายงานเรื่อง "การค้าและผลกระทบจากการเบี่ยงเบนทางการค้าจากการปรับขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐต่อจีน" ที่เปิดเผยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมานั้น UNCTAD ระบุเตือนว่า การที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นจากสินค้าจีน โดยเฉพาะในเดือนก.ค.และก.ย. 2561 ที่ผ่านมานั้น กำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ
"สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนได้ส่งผลให้การค้าทวิภาคีลดลงอย่างมาก, ทำให้ราคาสินค้าสำหรับผู้บริโภคสูงขึ้น และ ทำให้เกิดผลกระทบจากการเบี่ยงเบนทางการค้า" รายงานระบุ
รายงานวิจัยพบว่า ผู้บริโภคในสหรัฐแบกรับผลกระทบมากที่สุดจากการที่สหรัฐเก็บภาษีศุลกากรสินค้าจีน เนื่องจากค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องได้ถูกผลักให้กับผู้บริโภคอเมริกัน และบริษัทนำเข้าในรูปแบบของราคาที่สูงขึ้น
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในขณะเดียวกัน รายงานวิจัยยังพบว่า เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทของจีนได้เริ่มดูดซับค่าใช้จ่ายบางส่วนจากการเก็บภาษีนำเข้าด้วยการลดราคาสินค้าส่งออก
UNCTAD เตือนว่า การปรับเพิ่มภาษีศุลกากรในช่วงฤดูร้อนปี 2562 มีแนวโน้มที่จะทำให้ความเสียหายที่เป็นอยู่เพิ่มขึ้น
"ผลของการวิจัยครั้งนี้เป็นการเตือนระดับโลก สงครามการค้าที่สร้างความเสียหายทั้งสองฝ่ายไม่เพียงแต่ส่งผลประทบต่อคู่แข่งหลักเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลกและการขยายตัวในอนาคต" นางพาเมลา โค๊ก ฮามิลตัน ผู้อำนวยการฝ่ายการค้าระหว่างประเทศและสินค้าโภคภัณฑ์ของ UNCTAD กล่าว
"เราหวังว่าข้อตกลงทางการค้าที่มีศักยภาพระหว่างสหรัฐและจีน จะทำให้ความตึงเครียดทางการค้าลดลง" เธอกล่าว