ธนาคารกลางชิลีเปิดเผยว่า ยอดส่งออกของชิลีร่วงลง 20.7% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี เนื่องจากผลกระทบของเหตุการณ์จลาจลที่ยืดเยื้อเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ ขณะที่ยอดนำเข้าเดือนต.ค.ร่วงลง 19.8%
ทั้งนี้ ยอดส่งออกที่ร่วงลงอย่างหนักส่งผลให้ชิลีขาดดุลการค้าเป็นมูลค่าสูงถึง 307 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากเหตุประท้วงได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกทองแดง ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของประเทศ โดยชิลีมียอดส่งออกทองแดงต่ำสุดในรอบสองปี
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า อุตสาหกรรมเหมืองของชิลีได้รับผลกระทบ เนื่องจากกลุ่มผู้ประท้วงได้เดินขบวนกีดขวางถนนและทางด่วนทั่วประเทศ เพื่อประท้วงค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่ปรับตัวสูงขึ้น และบริการในด้านต่างๆที่ขาดแคลน
อนึ่ง การประท้วงเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 14 ต.ค. เนื่องจากมีการปรับขึ้นค่ารถไฟฟ้าใต้ดิน
อย่างไรก็ตาม แม้การปรับขึ้นค่าโดยสารจะถูกยกเลิกไปแล้ว แต่การประท้วงยังคงดำเนินต่อไป เนื่องจากผู้ประท้วงต้องการให้รัฐบาลชิลียกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นกว่าเดิม
รัฐบาลชิลีประกาศภาวะฉุกเฉินในหลายเมืองเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางเหตุการณ์จลาจลที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ โดยมีการปล้มสะดมร้านค้า และการเผาสถานีรถไฟใต้ดินหลายแห่ง ขณะที่ประชาชนต่างลุกฮือแสดงความไม่พอใจต่อการที่รัฐบาลประกาศปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟใต้ดิน และค่าโดยสารในภาคสาธารณะ
ความวุ่นวายดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 ราย และถูกจับกุม 7,000 ราย ขณะที่ภาคธุรกิจประสบความเสียหายราว 1.4 พันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ เหตุการณ์จลาจลทั่วประเทศยังส่งผลให้ประธานาธิบดีเซบาสเตียน ปิเญร่า ผู้นำชิลี ประกาศยกเลิกการจัดประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ที่มีกำหนดจัดขึ้นในเมืองซานติอาโกในวันที่ 16-17 พ.ย.