นายพอล ฉ่าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของเขตปกครองพิเศษฮ่องกง (HKSAR) ออกมาย้ำว่า บทบาทของ "หนึ่งประเทศ สองระบบ" ช่วยรักษาข้อได้เปรียบทางการเงินของฮ่องกง ซึ่งปัจจุบันกำลังเผชิญมรสุมจากเหตุประท้วงที่ยาวนาน
นายฉ่านเขียนในบทความบนบล็อกของตัวเองว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังไม่ได้รับผลกระทบมากมายนัก โดยอ้างถึงสกุลดอลลาร์ฮ่องกงที่มีเสถียรภาพ การที่เงินทุนหมุนเวียนอย่างอิสระ ไม่มีการนำเงินทุนออกนอกประเทศครั้งใหญ่ ระบบธนาคารที่ราบรื่น และสภาพคล่องที่อยู่ในระดับสูง
นายฉ่านระบุว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ระดับ 27,651 โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 26,900 ณ สิ้นเดือนพ.ค. โดยส่วนมากจะผันผวนตามตาดต่างประเทศ
นายฉ่านระบุว่าประสิทธิภาพที่มีเสถียรภาพส่วนใหญ่เป็นผลมาจากนโยบาย "หนึ่งประเทศ สองระบบ"
นายฉ่านระบุว่า นอกเหนือจากมาตรการของรัฐบาล HKSAR แล้ว ที่สำคัญที่สุดคือ ฮ่องกงยังสามารถรักษาจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์และความสามารถในการแข่งขันภายใต้กรอบการทำงานของ "หนึ่งประเทศ สองระบบ" ไว้ได้
นอกจากนี้ นโยบายใหม่เกี่ยวกับการจัดการความมั่งคั่งข้ามพรมแดนจะสร้างโอกาสให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์และธนาคารในฮ่องกง และผลักดันให้เกิดอุปสงค์ขนาดใหญ่สำหรับการเงินและบริการอื่น ๆ
นายฉ่านชี้ว่า มีบริษัทบริหารสินทรัพย์และสถาบันการเงินระดับโลกจะตั้งสำนักงานหรือเพิ่มการลงทุนในฮ่องกง ซึ่งจะช่วยยกระดับสถานะของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางการจัดการทรัพย์สินระหว่างประเทศและศูนย์กลางของธุรกิจที่ใช้เงินหยวนนอกประเทศจีน
อย่างไรก็ตาม นายฉ่านยังคงเดือนว่า ปัญหาที่เกิดจากเหตุรุนแรงในไม่กี่เดือนมานี้ ส่งผลต่อความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในสังคมในฮ่องกง ทำให้นักลงทุนกังวลและเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่สงบสุขสำหรับการพัฒนาทางการเงินของฮ่องกง สำนักข่าวซินหัวรายงาน