World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 12 พฤศจิกายน 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 12, 2019 09:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นในเอเชียมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจากการร่วงลงเมื่อวานนี้ ขณะที่นักลงทุนจะรอดูความคืบหน้าในการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน และจับตาดูสถานการณ์ที่ผันผวนในฮ่องกงต่อไป โดยสัญญาฟิวเจอร์ดีดตัวขึ้นในตลาดโตเกียว, ซิดนีย์ และฮ่องกงเช้านี้ หลังจากตลาดฮ่องกงดิ่งลงมากถึง 3% เมื่อวานนี้ เนื่องจากเหตุการณ์ประท้วงรุนแรง

-- นักลงทุนจับตาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ที่การประชุม Economic Club of New York ในวันนี้ ตามเวลาสหรัฐ เพื่อดูว่าปธน.ทรัมป์จะกล่าวถึงสถานการณ์การค้าระหว่างจีนและสหรัฐหรือไม่

ขณะเดียวกันนักลงทุนยังจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะแถลงต่อสภาคองเกรสเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในวันพุธนี้ เวลา 11.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 23.00 น.ตามเวลาไทย

-- รัฐบาลออสเตรเลียประกาศเตือนอันตรายจากเหตุไฟไหม้ป่าขั้นหายนะในวันนี้ ซึ่งเป็นประกาศเตือนระดับสูงสุดสำหรับซิดนีย์ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย ขณะที่ฤดูการเกิดไฟป่าเริ่มยาวนานขึ้นและรุนแรงมากขึ้น ภัยคุกคามต่อชีวิตและบ้านเรือนทั่วประเทศก็เพิ่มขึ้นด้วย

ทั้งนี้ คาดว่าอุณหภูมิที่สูงขึ้นและลมพัดแรงจะทำให้ไฟลุกลามมากกว่า 50 แห่งในรัฐนิวเซาท์เวลส์ โดยในช่วงที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย, บ้านเรือน 150 หลังถูกทำลาย และที่ดินเกือบล้านเฮคเตอร์ถูกเผาในฤดูกาลนี้

ขณะที่รัฐบาลของนายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ได้หลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเมื่อถูกถามเกี่ยวกับสถานการณ์ไฟป่า เนื่องจากรัฐบาลของเขาสนับสนุนอุตสาหกรรมถ่านหินที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกและภาวะโลกร้อน

-- ข่าวปลอมกำลังเข้ามามีบทบาทในการกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงในฮ่องกง ขณะที่การประท้วงต่อต้านรัฐบาลฮ่องกงยืดเยื้อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 23 แล้วนั้น ฮ่องกงเต็มไปด้วยข่าวลือทางออนไลน์, ข่าวปลอมและการโฆษณาชวนเชื่อจากทั้งสองฝ่ายที่มีความเห็นแตกแยกทางการเมือง

ทั้งนี้ มีข่าวแพร่กระจายในโซเชียล มีเดียและแอพส่งข้อความต่างๆ หลังจากที่นายอเล็กซ์ โชว์ นักศึกษาวัย 22 ปีพลัดตกจากอาคารที่จอดรถเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เขาได้ตำรวจถูกไล่ล่าและอาจถูกผลักตกตึก โดยการเสียชีวิตของนายโชว์เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ได้ก่อให้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงตามมาระหว่างผู้ประท้วงและตำรวจฮ่องกง ซึ่งส่งผลให้ผู้ประท้วงคนหนึ่งถูกยิงเมื่อวานนี้และอีกรายถูกไฟไหม้ ซึ่งทั้งสองรายยังคงอยู่ในภาวะวิกฤต

-- บริษัทโบอิ้งแถลงว่า ทางบริษัทคาดการณ์ว่า เครื่องบินรุ่น 737 MAX จะสามารถกลับมาให้บริการในสหรัฐในเดือนม.ค.ปีหน้า ขณะที่บริษัทกำลังทำการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับซอฟท์แวร์

โบอิ้งระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะเริ่มจัดส่งเครื่องบินรุ่น 737 MAX ให้แก่สายการบินต่างๆในเดือนหน้า

นอกจากนี้ โบอิ้งเปิดเผยว่า ทางบริษัทกำลังดำเนินการตรวจสอบข้อกำหนดเกี่ยวกับการฝึกอบรม ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นก่อนที่เครื่องบินรุ่น 737 MAX จะสามารถกลับมาให้บริการในเชิงพาณิชย์

-- แหล่งข่าวเปิดเผยว่า สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) ได้ปรับลดอันดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการขนส่งทางอากาศของมาเลเซีย จากระดับปกติ (Category1) สู่ระดับต่ำกว่ามาตรฐาน (Category2)

ทั้งนี้ FAA จะทำการประกาศปรับลดอันดับของมาเลเซียอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้

การปรับลดอันดับดังกล่าวจะทำให้สายการบินของมาเลเซียไม่สามารถเพิ่มเที่ยวบินไปยังสหรัฐ และจะถูกตรวจสอบมากขึ้นในสนามบินของสหรัฐ

นอกจากนี้ การปรับลดอันดับสู่ Category2 ทำให้มาเลเซียมีอันดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการขนส่งทางอากาศเท่ากับไทย บังกลาเทศ กาน่า และคอสตาริกา

-- อาลีบาบา กรุ๊ป บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน เปิดเผยว่า ยอดขายทั้งหมดของวันคนโสดในวันนี้ พุ่งขึ้นแตะระดับ 2.684 แสนล้านหยวน (3.83 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

อาลีบาบารายงานยอดขายสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์ในเวลาเพียง 1 นาที และ 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในชั่วโมงแรก

ทั้งนี้ อาลีบาบามียอดขายในวันคนโสดปีที่แล้วที่ระดับ 2.135 แสนล้านหยวนในปีที่แล้ว (3.05 หมื่นล้านดอลลาร์) จากระดับเพียง 52 ล้านหยวนที่จัดขึ้นในปีแรกในวันที่ 11 พ.ย.2552

-- ผลการสำรวจของ ICM ระบุว่า กระแสความนิยมต่อพรรคอนุรักษ์นิยมของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ยังคงนำหน้าพรรคแรงงาน ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษจะมีขึ้นในวันที่ 12 ธ.ค.

ทั้งนี้ กระแสความนิยมของพรรคอนุรักษ์นิยมของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เพิ่มขึ้น 1% สู่ระดับ 39% ขณะที่พรรคแรงงานทรงตัวที่ระดับ 31%

การสำรวจดังกล่าวจัดทำขึ้นในวันที่ 8-11 พ.ย. โดยมีกลุ่มตัวอย่าง 2,035 ราย

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ อังกฤษเตรียมเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนก.ย. ขณะที่สถาบัน ZEW มีกำหนดเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนพ.ย.ของสหภาพยุโรป และเยอรมนี ทางด้านสหรัฐเตรียมเปิดเผยความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนต.ค.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้เปิดเผยอัตราว่างงานเดือนต.ค., ออสเตรเลียเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จากเวสต์แพค, เยอรมนีเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค., อังกฤษเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค., อียูเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย. และ สหรัฐเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ