World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 19 พฤศจิกายน 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 19, 2019 09:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กลุ่มผู้ประท้วงและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปะทะกันอย่างรุนแรงเมื่อวานนี้ โดยมีการยิงปืน, การฉีดแก๊สน้ำตา และการจุดไฟเผารถยนต์ ซึ่งทำให้เกิดความวิตกว่าจะมีการกวาดล้างผู้ประท้วงที่ยังคงอยู่ในมหาวิทยาลัยที่ถูกตำรวจบุกล้อม หลังจากที่เมื่อเย็นวานนี้ รัฐบาลฮ่องกงได้เตือนให้ผู้ประท้วงที่ยังคงอยู่ในมหาวิทยาลัยมอบตัวอย่างสันติ และเรียกร้องให้ประชาชนอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัย เนื่องจาก ผู้ประท้วงเรียกร้องให้รวมกำลังกันเพื่อต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

นอกจากนี้ รัฐบาลยังคงสั่งให้โรงเรียนต่างๆ ปิดการเรียนการสอนต่อไปเป็นวันที่ 6 และเจ้าหน้าที่เตือนว่า อาจจำเป็นต้องยกเลิกการเลือกตั้งสภาเขตที่กำหนดไว้ในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความระบุว่า เขาได้พบกับนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งการสนทนาเป็นไปด้วยดี

"ผมเพิ่งเสร็จสิ้นการพบปะกับคุณเจอโรม พาวเวลที่ทำเนียบขาว ซึ่งการสนทนาเป็นไปด้วยดี โดยเราได้หารือกันเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย, การใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ, ภาวะเงินเฟ้อต่ำ, การใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน, การแข็งค่าของดอลลาร์ และผลกระทบต่อภาคการผลิต, การค้ากับจีนและสหภาพยุโรป รวมทั้งประเด็นอื่นๆ" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

-- ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเล็กน้อยเช้านี้ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยสัญญาฟิวเจอร์ในตลาดญี่ปุ่นและออสเตรเลียแทบไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่สัญญาฟิวเจอร์ในฮ่องกงลดลงหลังจากเกิดเหตุการณ์รุนแรงเพิ่มขึ้นเมื่อวานนี้

ส่วนดอลลาร์ปรับตัวลงอีกหลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดและปธน.ทรัมป์หารือเรื่องอัตราดอกเบี้ยติดลบและดอลลาร์ ส่วนราคาน้ำมันลดลง ขณะที่ราคาทองปรับตัวขึ้น

-- ตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย (ASX) กำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ของบริษัทอย่างน้อย 12 แห่งเพื่อช่วยฟื้นฟูภาวะตลาดที่ย่ำแย่ที่สุดในปีนี้สำหรับการทำ IPO นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินในปี 2551

ทั้งนี้ บริษัท Carbon Revolution ผู้ผลิตล้อรถยนต์ที่มีน้ำหนักเบา และ บริษัท Godolphin Resources ซึ่งทำธุรกิจเหมืองแร่ เป็น 2 บริษัทที่วางแผนระดมทุนในตลาดรวมกัน 253 ล้านดอลลาร์ก่อนสิ้นปีนี้ ซึ่งความสำเร็จของการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนดังกล่าวจะช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับความต้องการหุ้น IPO ในออสเตรเลีย หลังจากที่มีการยกเลิกการทำ IPO วงเงินกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551

-- บริษัทด้านการลงทุนของรัฐบาลท้องถิ่นในจีนได้กลายเป็นอัศวินขี่ม้าขาวสำหรับภาคเอกชนที่ประสบปัญหา โดยเสนอที่จะค้ำประกันเงินกู้และหุ้นกู้ของบริษัทต่างๆ อาทิ บริษัทผลิตเครื่องนุ่งห่มไปจนถึงบริษัทก่อสร้าง

นายหลิว หยู นักวิเคราะห์จากบริษัทเกาเชง ซีเคียวริตีส์ระบุว่า บริษัทด้านการลงทุนราว 2,000 แห่งได้เสนอการค้ำประกันสินเชื่อมูลค่ารวม 5.9 ล้านล้านหยวน (8.42 แสนล้านดอลลาร์) ให้กับบริษัทภายในประเทศ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 25% ของสินทรัพย์รวมทั้งหมดของบริษัทเหล่านั้น และบริษัทด้านการเงินของรัฐบาลท้องถิ่นยังได้ทำการค้ำประกันหนี้สินเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์

-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐแถลงเมื่อวานนี้ว่า ทางกระทรวงได้ขยายเวลาอีก 90 วันให้แก่บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี ในการซื้อสินค้าจากบริษัทสหรัฐต่อไปเพื่อให้บริการต่อลูกค้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ สหรัฐขยายเวลาดังกล่าวเป็นครั้งที่ 2 ให้แก่หัวเว่ย นับตั้งแต่ที่ทางบริษัทถูกขึ้นบัญชีดำในเดือนพ.ค.อันเนื่องจากเหตุผลด้านความมั่นคง

"การขยายเวลาต่อไปอีกถึงวันที่ 16 ก.พ.ปีหน้าจะทำให้หัวเว่ยยังคงสามารถให้บริการต่อลูกค้าสหรัฐที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งจะได้รับผลกระทบหากไม่มีการขยายเวลาออกไป และทางกระทรวงจะยังคงจับตาการส่งออกสินค้าด้านเทคโนโลยีที่มีความอ่อนไหว เพื่อรับประกันว่านวัตกรรมของเราจะไม่ได้รับผลกระทบจากผู้ที่คุกคามความมั่นคงของเรา" แถลงการณ์ระบุ

-- แหล่งข่าวระบุว่า บริษัททาทาสตีล ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กของอินเดีย เตรียมประกาศปลดพนักงาน 3 พันตำแหน่งในยุโรป ท่ามกลางการแข่งขันสูง และต้นทุนที่พุ่งขึ้น

แหล่งข่าวกล่าวว่า การปลดพนักงานกว่าครึ่งจากจำนวนดังกล่าวจะเกิดขึ้นในเนเธอร์แลนด์ ขณะที่ทาทาสตีลมีการจ้างพนักงานทั้งหมด 20,000 คนในยุโรป

อย่างไรก็ดี ทาทาสตีลยืนยันว่าจะไม่มีการปิดโรงงานผลิตเหล็กในยุโรป แม้เผชิญกับภาวะล้นตลาดจากการที่จีนส่งออกเหล็กจำนวนมากเข้าสู่ตลาดยุโรป

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ระบุว่า เขาพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับสภาคองเกรสในการไต่สวนเพื่อถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง โดยเขาจะพิจารณาเข้าให้การต่อสภาคองเกรสอย่างเปิดเผย หรืออาจจะส่งเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรต่อสภา

การประกาศของปธน.ทรัมป์ดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวในรายการ "Face The Nation" โดยมีการเชิญปธน.ทรัมป์เข้าชี้แจงต่อสภาคองเกรส หากเขาไม่เห็นด้วยต่อคำแถลงของพยานที่เข้าให้การต่อสภาคองเกรส

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ธนาคารกลางออสเตรเลียเปิดเผยรายงานการประชุม และสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนต.ค.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค., ญี่ปุ่นเปิดเผยยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนต.ค. และสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA), คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 29-30 ต.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ