นายมหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มจะยังคงเป็นภาคการส่งออกที่สำคัญของมาเลเซียต่อไป แม้ว่าอุตสาหกรรมจะเผชิญกับความท้าทายต่างๆนานาก็ตาม
นายมหาเธร์ขึ้นกล่าวปาถกฐาที่งานประชุมและนิทรรศการน้ำมันปาล์มนานาชาติ ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการน้ำมันปาล์มแห่งมาเลเซีย โดยระบุว่า อุตสาหกรรมนี้ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งรายได้หลักเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมในพื้นที่ชนบทด้วย
"น้ำมันปาล์มได้กลายเป็นหนึ่งในสินค้าโภคภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดของมาเลเซีย ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อวาระทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ปัจจุบันความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสำเร็จของประเทศในแง่ของการส่งเสริมผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) โอกาสในการจ้างงาน การขจัดความยากจน และการลดช่องว่างทางรายได้ระหว่างเมืองกับชนบท"
"ในปี 2561 น้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์จากปาล์มทำรายได้จากการส่งออก 6.75 หมื่นล้านริงกิต (1.62 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) และสร้างโอกาสการจ้างงานแก่ผู้คนมากกว่า 3 ล้านคนในห่วงโซ่อุปทาน" นายมหาเธร์ระบุ
นอกจากนี้ นายมหาเธร์ยังกล่าวย้ำว่า รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรม ตลอดจนเตรียมออกมาตรการต่างๆเพื่อรับมือกับการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมและปัญหาอื่นๆ ซึ่งถูกผลักดันจากปัจจัยทางการเมืองที่ได้รับการสนับสนุนโดยกลุ่มต่อต้านปาล์มน้ำมันจากชาติตะวันตก
สภาน้ำมันปาล์มแห่งมาเลเซียระบุว่า มาเลเซียเป็นประเทศผู้ผลิตรายใหญ่อันดับสองรองจากอินโดนีเซีย โดยการผลิตโดยรวมคิดเป็นสัดส่วน 39% ของผลผลิตทั่วโลก และมีส่วนแบ่งตลาด 44% ของผลิตภัณฑ์ในตลาดโลก