ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะส่งร่างกฎหมาย "Hong Kong Human Rights and Democracy Act" ไปยังทำเนียบขาว เพื่อให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามเป็นลำดับต่อไป
ร่างกฎหมายดังกล่าวครอบคลุมถึงการกำหนดให้ทบทวนการให้สิทธิพิเศษทางการค้ากับฮ่องกง ภายใต้กฎหมายของสหรัฐ โดยการทบทวนดังกล่าวจะพิจารณาถึงประเด็นที่ว่า ฮ่องกงได้รับอำนาจในการปกครองตนเองอย่างเพียงพอจากจีนหรือไม่ นอกจากนี้ ร่างกฎหมายยังกำหนดให้มีการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนต้องรับผิดชอบในการทำลายเสรีภาพขั้นพื้นฐานและการปกครองตนเองในฮ่องกง
-- คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 29-30 ต.ค.เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ และยังมองว่า ความไม่แน่นอนต่างๆที่เป็นผลมาจากความตึงเครียดด้านการค้าและความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์นั้น เริ่มลดน้อยลงในระดับหนึ่ง
รายงานการประชุมระบุว่า กรรมการเฟดมีมุมมองที่สอดคล้องกันว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะรับมือกับอุปสรรคในอนาคต ขณะเดียวกันก็ได้มีการหารือเกี่ยวกับเครื่องมือต่างๆที่ควรเตรียมไว้หากเศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอยในวันข้างหน้า โดยกรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องว่า การเข้าซื้อพันธบัตร และการส่งสัญญาณให้ตลาดรับรู้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายในอนาคตนั้น จะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
อย่างไรก็ดี กรรมการเฟดทุกคนไม่เห็นด้วยกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนถึงระดับติดลบ เหมือนกับที่ธนาคารกลางยุโรปและญี่ปุ่นดำเนินการอยู่ในเวลานี้
-- บริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของจีน ทางบริษัทได้กำหนดราคาหุ้นที่ระดับ 176 ดอลลาร์ฮ่องกงสำหรับนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายย่อยในการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนที่ตลาดหุ้นฮ่องกง
นอกจากนี้ อาลีบาบายังได้ยืนยันข้อตกลงในการออกหุ้นจำนวน 500 ล้านหุ้น ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถระดมทุนได้ 1.29 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
-- นายกอร์ดอน ซอนด์แลนด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหภาพยุโรป เปิดเผยว่า นายรูดี จูลีอานี ทนายความส่วนตัวของปธน.ทรัมป์เรียกร้องสิ่งตอบแทนจากยูเครน โดยการชะลอการประชุมทำเนียบขาวจนกว่าผู้นำยูเครนจะประกาศการสืบสวนซึ่งเอื้อประโยชน์ทางการเมืองให้กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
-- สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ (USGS) รายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.1 แมกนิจูด ที่ประเทศลาวในช่วงเช้าวันนี้เมื่อเวลาประมาณ 06.50 น. โดยจุดศูนย์กลางอยู่ใกล้กับจังหวัดน่านของประเทศไทย และรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ถึงกรุงเทพมหานคร
-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากสื่อรายงานว่า สหรัฐและจีนอาจไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกภายในปีนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่า การที่วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงนั้น อาจส่งผลกระทบต่อความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,821.09 จุด ลดลง 112.93 จุด หรือ -0.40% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,108.46 จุด ลดลง 11.72 จุด หรือ -0.38% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,526.73 จุด ลดลง 43.93 จุด หรือ -0.51%
-- เจ้าชายแอนดรูว์ โอรสองค์ที่สองของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ประกาศพักพระราชกรณียกิจในระยะนี้ หลังจากที่เกิดกรณีอื้อฉาวที่พัวพันกับนายเจฟฟรีย์ เอปสไตน์ ผู้ต้องหาคดีทางเพศ
"เป็นที่ชัดเจนสำหรับข้าพเจ้าในช่วงหลายวันที่ผ่านมาว่า เหตุการณ์ที่ได้พัวพันข้าพเจ้ากับคุณเจฟฟรีย์ เอปสไตน์ได้เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติภารกิจของราชวงศ์ของข้าพเจ้า และต่องานที่ข้าพเจ้าทำในองค์กรและมูลนิธิหลายแห่งที่ข้าพเจ้าให้การสนับสนุน" เจ้าชายแอนดรูว์ตรัสในแถลงการณ์
-- สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สหรัฐและจีนอาจไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ รอยเตอร์รายงานโดยอ้างผู้เชี่ยวชาญด้านการค้า และบุคคลใกล้ชิดกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า การบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกอาจมีการเลื่อนออกไปเป็นปีหน้า ขณะที่จีนต้องการให้สหรัฐยกเลิกภาษีมากขึ้น
-- สำนักข่าวยอนฮัพของเกาหลีใต้ ระบุว่า นายโช ซอน ฮุย รมช.ต่างประเทศของเกาหลีเหนือ กล่าวว่า สหรัฐจะต้องยุติการใช้นโยบายที่มุ่งร้ายต่อเกาหลีเหนือ ก่อนที่จะมีการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์
ทั้งนี้ นายโชกล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการจัดการประชุมสุดยอดระหว่างนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หากปธน.ทรัมป์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจุดยืนต่อเกาหลีเหนือ
-- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว โดยเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 4 สัปดาห์ แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยธนาคารกลางอินโดนีเซียจะจัดประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ด้านสหรัฐเตรียมเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีการผลิตเดือนพ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนต.ค.จาก Conference Board
ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค. ขณะที่เยอรมนีเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 ทางด้านมาร์กิตเตรียมเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนพ.ย.และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนพ.ย.ของเยอรมนี ฝรั่งเศส และอียู ทางด้านสหรัฐเตรียมเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน