สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า บรรดาผู้บริหารของบริษัท ซอฟท์แบงก์ อยู่ในระหว่างการหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินการเข้าซื้อหุ้นในบริษัท WeWork ลง 3 พันล้านดอลลาร์ หลังจากที่ WeWork ธุรกิจสตาร์ทอัพของสหรัฐซึ่งให้บริการปล่อยเช่าพื้นที่ในอาคาร ได้ประกาศปลดพนักงาน 2,400 คนทั่วโลก เพื่อลดค่าใช้จ่าย และปรับโครงสร้างบริษัท
รายงานระบุว่า ผู้บริหารของซอฟท์แบงก์ได้หารือกันเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในคำเสนอซื้อหุ้นต่อผู้ถือหุ้นทั่วไป (Tender Offer) ของ WeWork ลงราว 3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวอาจทำให้เม็ดเงินที่จะต้องจ่ายให้กับนายอดัม นูมานน์ ผู้ก่อตั้งร่วมของ WeWork ลดน้อยลงตามไปด้วย
ทั้งนี้ ยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าซอฟท์แบงก์จะสามารถปรับเปลี่ยนข้อตกลงที่ทำร่วมกับนักลงทุนของ WeWork และนายนูมานน์ได้หรือไม่ เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวอาจนำไปสู่การต่อสู้กันทางกฎหมาย โดยหนึ่งในข้อตกลงดังกล่าวระบุว่า นายนูมานน์สามารถขายหุ้นมูลค่า 970 ล้านดอลลาร์ใน WeWork ให้กับซอฟท์แบงก์
เมื่อวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา ซอฟท์แบงก์ กรุ๊ป ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมรายใหญ่ของญี่ปุ่น ได้บรรลุข้อตกลงเทคโอเวอร์กิจการบริษัท WeWork โดยซอฟท์แบงก์จะจัดหาเงินทุนก้อนใหม่ 5 พันล้านดอลลาร์ให้กับ WeWork และจะจัดสรรเงินอีก 3 พันล้านดอลลาร์ผ่านการทำ Tender Offer นอกจากนี้ ซอฟท์แบงก์ จะเร่งจัดหาเงินทุนให้อีก 1.5 พันล้านดอลลาร์ รวมเป็น 9.5 พันล้านดอลลาร์ ตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับ WeWork ซึ่งภายหลังจากเสร็จสิ้นการทำธุรกรรมทั้งหมดแล้ว ซอฟท์แบงก์จะถือครองหุ้น WeWork ในสัดส่วน 80%