อะโดบี อนาลิติค ซึ่งติดตามและวิเคราะห์ยอดขายทางออนไลน์ ระบุว่า ในช่วงเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา นักช็อปชาวอเมริกันใช้จ่ายเงินไปกับการซื้อของออนไลน์เป็นมูลค่าสูง 6.81 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนในวันแบล็ค ฟรายเดย์ ซึ่งตรงกับวันศุกร์ที่ 29 พ.ย. เพียงวันเดียว มียอดการใช้จ่ายสูงถึง 7.4 พันล้านดอลลาร์
จากข้อมูลพบว่า ยอดการจับจ่ายใช้สอยผ่านช่องทางออนไลน์ของชาวอเมริกันในวันขอบคุณพระเจ้าพุ่งขึ้นทำสถิติใหม่ที่ 4.2 พันล้านดอลลาร์ ในปีนี้ ขณะที่เม็ดเงินส่วนใหญ่สะพัดอยู่ในร้านค้าปลีกออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ 100 ร้านค้าซึ่งครองส่วนแบ่งไปราว 80%
ส่วนยอดการจับจ่ายในวันเสาร์หลังแบล็ค ฟรายเดย์ หรือที่เรียกกันว่า สมอล บิสซิเนส แซทเทอร์เดย์ อยู่ที่ 3.6 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 18% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว
อะโดบี อนาลิติค ระบุว่า มูลค่าการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเดือนพ.ย.ที่ผ่านมานั้น มี 35% ที่มาจากการซื้อของออนไลน์ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ในขณะที่ 60% มาจากคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปและอีก 5% มาจากแท็บแล็ต โดยหากพิจารณาในแง่ทราฟฟิคแล้วพบว่า ผู้บริโภคนิยมใช้โทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์ในการซื้อของออนไลน์มากสุดคิดเป็น 58% ตามด้วยคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป 37% และแท็บเล็ต 5%
นอกจากนี้ ในเทศกาลไซเบอร์มันเดย์ หรือวันจันทร์แรกหลังวันขอบคุณพระเจ้าและแบล็คฟรายเดย์ ซึ่งปกติจะเป็นวันที่มีการซื้อของออนไลน์มากที่สุดของปีนั้น อะโดบี อนาลิติค คาดว่า จะมีเงินสะพัดสูงถึง 9.4 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 18.9% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
ทั้งนี้ อะโดบี อนาลิติค คาดว่า ตลอดเทศกาลวันหยุดช่วงปลายปี ระหว่างวันที่ 1 พ.ย.- 31 ธ.ค. จะมีเม็ดเงินสะพัดผ่านการซื้อขายออนไลน์มากถึง 1.438 แสนดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14.1% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว