สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ระบุว่า ฮ่องกงยังคงมีบทบาทในการเป็นศูนย์กลางการเงินโลกต่อไป แม้มีความไม่สงบเกิดขึ้นจากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม
รายงานในเว็บไซต์ของฟิทช์ระบุว่า "จนถึงขณะนี้ แทบไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ความไม่สงบในฮ่องกงได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อบทบาทของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางการเงินโลก แม้มีแรงกดดันทางเศรษฐกิจในระยะสั้นอย่างรุนแรงก็ตาม"
ฟิทช์ระบุว่า ข้อมูลต่างๆ รวมถึง การระดมทุนผ่านหุ้นและตราสารหนี้, เงินฝากภาคธนาคาร, การจดทะเบียนธุรกิจ และการออกวีซ่าการจ้างงาน บ่งชี้ว่า ไม่มีสัญญานที่แสดงถึงสถานะที่ถดถอยลงของฮ่องกงในฐานะที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินแต่อย่างใด
ฟิทช์ระบุว่า "การจดทะเบียนหุ้นอาลีบาบาในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงในช่วงที่ผ่านมาก็ได้ตอกย้ำถึงบทบาทของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางการเงินต่างประเทศชั้นนำสำหรับบริษัทจีน"
อย่างไรก็ดี ฟิทช์ได้แสดงความกังวลว่า ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศที่มีเสถียรภาพ และคาดว่าเศรษฐกิจของฮ่องกงจะหดตัวลง 1.5% ในปี 2562 ขณะที่การท่องเที่ยว, การค้าปลีก, การโรงแรมและการจัดเลี้ยง รวมถึงการขนส่งทางอากาศ เป็นกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด
ฟิทช์ระบุว่า แนวโน้มเศรษฐกิจของฮ่องกงจะยังคงถดถอยลง เนื่องจากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่ดำเนินมาถึง 6 เดือนแล้วนั้น ทำให้เศรษฐกิจติดลบ และความไม่สงบที่ยืดเยื้อยังทำให้ฮ่องกงเผชิญความเสี่ยงในด้านสภาวะแวดล้อมและชื่อเสียงทางธุรกิจ
สำหรับภาพลักษณ์ระหว่างประเทศนั้น ฟิทช์มองว่า ฮ่องกงมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในที่สุด
ทั้งนี้ ในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ฟิทช์ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของฮ่องกงลงสู่ระดับ AA จาก AA+ และปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือลงสู่ "เชิงลบ" จาก "มีเสถียรภาพ" โดยระบุถึงผลกระทบทางลบจากการประท้วงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ฟิทช์ระบุว่า แม้ว่ามาตรการกระตุ้นด้านการคลังวงเงิน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง (3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ที่รัฐบาลฮ่องกงประกาศใช้นับตั้งแต่กลางเดือนส.ค.ที่ผ่านมา อาจช่วยหนุนแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจของฮ่องกงในปี 2563 แต่ความปั่นป่วนทางสังคมที่ยังคงดำเนินต่อไปนั้น ก็อาจจะทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจของฮ่องกงเผชิญกับความผันผวน