นักวิเคราะห์จากดีบีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า สายการบินต่างๆในฮ่องกงกำลังเผชิญภาวะวิกฤติ เนื่องจากผลกระทบของการประท้วงที่ยืดเยื้อ ซึ่งอาจทำให้สายการบินในฮ่องกงต้องปรับลดพนักงานอย่างต่อเนื่อง และอาจร้ายแรงจนถึงขั้นล้มละลาย โดยเหตุการณ์ประท้วงในฮ่องกงถือเป็นการซ้ำเติมอุตสาหกรรมการบินที่ได้รับผลกระทบอยู่ก่อนแล้ว จากภาวะชะลอตัวที่เกิดขึ้นทั่วโลก
การประท้วงต่อต้านรัฐบาลในฮ่องกงที่ยืดเยื้อมานานถึง 6 เดือน ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารในฮ่องกงลดฮวบลง อีกทั้งยังทำให้สายการบินหลายแห่งต้องยกเลิกเที่ยวบินและปรับลดต้นทุน จนส่งผลกระทบอย่างหนักต่อผลประกอบการของอุตสาหกรรมการบิน โดยล่าสุดสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิครายงานว่า จำนวนผู้โดยสารลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 และการท่าอากาศยานฮ่องกงได้สั่งยึดเครื่องบิน 7 ลำของสายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์ หลังจากสายการบินแห่งนี้ค้างชำระค่าบริการสนามบิน
Endau Analytics ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการบิน คาดการณ์ว่า สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค อาจปรับลดพนักงานจำนวนมากถึง 1,000 คน เนื่องจากเหตุการณ์ประท้วงรุนแรงทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกไม่กล้าเดินทางไปยังฮ่องกง
วิกฤตการณ์ในฮ่องกงกำลังซ้ำเติมอุตสาหกรรมการบินที่ได้รับผลกระทบอยู่ก่อนแล้ว จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและสงครามการค้า โดยรายงานล่าสุดระบุว่า สายการบินคาเธ่ย์ และบริษัทในเครือซึ่งได้แก่ คาเธ่ย์ ดรากอน และฮ่องกง เอ็กซ์เพรส์ ได้ปรับลดเที่ยวบินเพื่อรับมือผลกระทบจากจำนวนผู้โดยสารที่ลดลง และหากการประท้วงยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจเหล่านี้ก็อาจต้องใช้ยาแรงในการรับมือกับวิกฤตการณ์
ในช่วงปลายเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ประกาศแผนลดความจุเที่ยวบินโดยสารลง 1.4% ในปีหน้า จากเดิมที่มีแผนจะเพิ่มความจุ 3.1% หลังจากได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากเหตุประท้วงยืดเยื้อที่ส่งผลให้เศรษฐกิจฮ่องกงเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยนับเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปีที่คาเธ่ย์ แปซิฟิคตัดสินใจลดความจุเที่ยวบินลง จากครั้งหลังสุดที่ลดลง 1.8% เมื่อปี 2556