สำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวว่า สหภาพแรงงานของบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ กำลังเตรียมที่จะเสนอให้บริษัทใช้เกณฑ์การประเมินปรับขึ้นค่าแรงให้กับพนักงานโดยอิงกับผลการทำงานมากขึ้น แทนการประเมินโดยยึดตามอายุงานที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ นโยบายของสหภาพแรงงานโตโยต้าถูกใช้เป็นตัวกำหนดมาตรฐานการเจรจาปรับขึ้นค่าแรงประจำปีของลูกจ้างบริษัททั่วญี่ปุ่น โดยข้อเสนอล่าสุด อาจส่งผลให้ส่วนต่างค่าจ้างของสมาชิกสหภาพแรงงานของโตโยต้า เพิ่มมากขึ้น
ข้อเสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งนี้มีขึ้น ในขณะที่โตโยต้า ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับภาวะตลาดที่ยากลำบาก อันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วไปสู่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ จนทำให้บริษัทต้องมองหาโอกาสในการพัฒนาขีดความสามารถด้านการแข่งขันในตลาด
แหล่งข่าวระบุว่า สมาชิกของสหภาพบางคนต้องการให้บริษัทใช้ระบบพิจารณาปรับขึ้นค่าแรงพนักงานโดยดูจากผลการทำงานเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ ในการประชุมของสมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของธุรกิจที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดของญี่ปุ่น หรือที่รู้จักกันในชื่อ ไคดันเรน (Keidanren) ในวันนี้นั้น นายรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ได้เรียกร้องให้ผู้นำธุรกิจขึ้นค่าแรงให้กับพนักงานอีกครั้ง โดยนับเป็นปีที่ 7 ติดต่อกันที่มีการเรียกร้องดังกล่าว
นายอาเบะกล่าวว่า "การลงทุนกับทรัพยากรมนุษย์นั้นถือเป็นเรื่องสำคัญ และผมก็กำลังเฝ้ารอให้บริษัททั้งหลายจ่ายค่าแรงให้กับพนักงานเพิ่มขึ้นในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า โดยไม่เฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นพนักงานระดับใด
ขณะที่ ไคดันเรนก็ยังคงยืนยันจุดยืนเดิมที่จะขึ้นค่าแรงพนักงานในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2563 พร้อมเรียกร้องให้มีการทบทวนการจ้างงานและระบบค่าจ้างแบบญี่ปุ่นเพื่อดึงดูดบุคคลที่มีความสามารถให้เข้ามาทำงานมากขึ้น
ตามปกติแล้ว พนักงานบริษัทญี่ปุ่นจะได้รับการปรับขึ้นค่าแรงโดยอัตโนมัติตามอายุหรือระยะเวลาที่พวกเขาทำงานอยู่กับบริษัท
"เมื่อโครงสร้างอุตสาหกรรมเปลี่ยนแปลง บริษัทก็จำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนระบบเพื่อผลักดันให้พนักงานเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ เพราะระบบของบริษัทบางแห่งอาจไม่เหมาะสมกับยุคสมัยนี้อีกต่อไปแล้ว" นายฮิโรอากิ นากานิชิ ประธานไดคันเรนกล่าวระหว่างการแถลงข่าว
แหล่งข่าวยังระบุต่อไปอีกว่า สหภาพแรงงานของโตโยต้า มอเตอร์ กำลังพิจารณาเสนอว่าการขึ้นค่าแรงควรใช้วิธีการที่อิงจากการประเมินผลงานใน 5 ระดับ โดยพนักงานที่ได้คะแนนในระดับสูงควรได้รับการปรับขึ้นค่าแรงมากกว่าพนักงานที่มีคะแนนในระดับรองลงมา
ขณะเดียวกัน ทางสหภาพแรงงานก็ยังมีแผนที่จะกระตุ้นให้บริษัทจัดการฝึกอบรมผู้จัดการเพื่อให้มั่นใจว่าการประเมินผลงานของพนักงานจะเป็นไปด้วยความยุติธรรม
ทั้งนี้ ผู้บริหารของโตโยต้าได้เคยระบุไว้ในการเจรจาขึ้นค่าแรงครั้งก่อนๆ ว่า "ในอนาคต เราต้องพิจารณากันอย่างจริงจังแล้วว่า จำเป็นที่จะต้องขึ้นค่าแรงให้กับพนักงานอย่างเป็นธรรมหรือไม่"
"อาจเป็นการดีกว่าที่บริษัทจะต้องเพิ่มเงินเดือนให้กับพนักงานที่ทำงานหนักแต่ไม่ได้รับค่าตอบแทนที่เพียงพอก่อน" แหล่งข่าวระบุ
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวเปิดเผยว่า "ทางสหภาพฯ จะเสนอแผนการนี้ให้กับสมาชิกในช่วงปลายเดือนม.ค. ก่อนตัดสินใจร่วมกันในเดือนถัดไป"
ทั้งนี้ มีบริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งเริ่มตัดสินใจเปลี่ยนระบบการพิจารณาขึ้นค่าแรงจากเดิมที่อิงจากอายุงานมาเป็นการประเมินจากความสามารถและผลงานของพนักงาน เช่น บริษัท มิซูโฮ ไฟแนนเซียล กรุ๊ป ซึ่งแหล่งข่าวใกล้ชิดของบริษัทได้ออกมาเปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทมิซูโฮจะยกเลิกการปรับขึ้นค่าแรงโดยอัตโนมัติให้กับผู้จัดการ 5,000 คนที่ทำงานอยู่กับบริษัทในเครือ รวมถึง ธนาคารมิซูโฮ และบริษัทมิซูโฮ ทรัส แอนด์ แบงก์กิ้ง ตั้งแต่เดือนก.ค. 2564 เป็นต้นไป เพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้กับพนักงานรุ่นใหม่ๆ