บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดทั่วโลกในปีนี้จะยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่องในด้านเศรษฐกิจและการค้าโลก โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่า ความขัดแย้งด้านการค้า, การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง, การแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) และสถานการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ จะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญซึ่งจะกดดันตลาดต่างๆ และถ่วงความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ในความเป็นจริงนั้น การที่ราคาสินทรัพย์เสี่ยงและสินทรัพย์ปลอดภัยพุ่งขึ้นในเวลาเดียวกันในช่วงสิ้นปี 2562 ถือเป็นการส่งสัญญาณว่า ภาวะตลาดต่างๆจะเป็นไปอย่างผันผวนและมีความเสี่ยง ท่ามกลางการคาดการณ์ที่หลากหลาย ขณะที่การผ่อนคลายนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางขนาดใหญ่นั้นได้ทำให้ตลาดมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น
ราคาทองคำจะเพิ่มขึ้นหรือไม่?
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในปี 2562 โดยสัญญาทองคำล่วงหน้าที่ตลาด NYMEX ปิดตลาดเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2562 พุ่งขึ้นราว 18% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
ราคาทองคำได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 3 ครั้ง และธนาคารกลางทั่วโลกยังคงปรับเพิ่มทองคำสำรอง ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำขึ้นสูงถึง 1,560 ดอลลาร์/ออนซ์ จากราว 1,280 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วงต้นปี 2562
นักวิเคราะห์คาดว่า ราคาทองคำจะแตะระดับสูงสุดใหม่ในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากความเสี่ยงที่เกิดจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและความขัดแย้งด้านการค้าทั่วโลก
สำหรับนักลงทุนแล้ว ในช่วงเวลาที่ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางต่างๆจะยังคงผ่อนคลายนโยบายการเงิน ท่ามกลางการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลงและเงินเฟ้อที่ระดับปานกลางนั้น การซื้อทองคำถือเป็นการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อชดเชยผลกระทบจากการร่วงลงของตลาดหุ้น และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์
โกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจของสหรัฐคาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ในปี 2563 และธนาคารกลางทั่วโลกซึ่งซื้อทองในปี 2562 ราว 750 ตันนั้น จะเพิ่มการซื้อทองเข้าสู่คลังสำรองทองคำ
ดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าลงหรือไม่?
ดอลลาร์สหรัฐทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงปลายปี 2562 โดยดัชนีดอลลาร์ที่วัดค่าดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้า 6 สกุลเงินชั้นนำนั้น ปรับตัวอยู่ใกล้เคียงระดับปิดสิ้นปีก่อนหน้า
การแข็งค่าของดอลลาร์เป็นผลมาจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ว่า พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเป็นแหล่งลงทุนทางเลือกที่ปลอดภัย และจากการที่อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐยังคงอยู่สูงกว่าของประเทศที่พัฒนาแล้ว อาทิ ญี่ปุ่นและยูโรโซน
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่าดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าลงในปี 2563 เนื่องจากตลาดคลายความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ทำเนียบขาวอาจทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงเพื่อกระตุ้นการส่งออก หรือดอลลาร์อาจจะอ่อนค่าเนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำ
เดอะ อิโคโนมิสต์ นิตยสารภาษาอังกฤษรายสัปดาห์เผยแพร่บทความออนไลน์ระบุว่า แนวโน้มของดอลลาร์สหรัฐยังไม่ได้เข้าสู่ช่วงขาลงโดยสิ้นเชิง แต่กำลังเริ่มส่งสัญญาณไปสู่แนวโน้มดังกล่าว
ตลาดน้ำมันยังคงปรับตัวขึ้นหรือไม่?
ในปี 2562 ผ่านมา ตลาดน้ำมันปรับตัวผันผวนก่อนปิดตลาดสิ้นปีปรับตัวขึ้นอย่างมาก
ขณะที่ความขัดแย้งทางการค้ากำลังคุกคามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและอุปสงค์ในตลาด ปัจจัยเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตรนั้น ได้ช่วยหนุนราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดตลาด NYMEX วันที่ 27 ธ.ค. 2562 เพิ่มขึ้น 36% จากสิ้นปี 2561 ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาดลอนดอนปรับตัวขึ้น 27%
นักวิเคราะห์เชื่อว่า ตลาดน้ำมันโลกจะยังคงผันผวนเนื่องจากหลายปัจจัย เช่น กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกได้ตกลงที่จะปรับลดการผลิตน้ำมันต่อวันลงเพิ่มอีก 500,000 บาร์เรลต่อวันในไตรมาสแรกของปี 2563
อย่างไรก็ดี ปัจจัยบวกจากการที่กลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตรปรับลดการผลิตน้ำมันลงรวมทั้งสิ้น 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวันนั้น จะถูกหักล้างด้วยการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในประเทศต่างๆ อาทิ สหรัฐและบราซิล โดยมีการคาดการณ์อย่างเป็นทางการว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในปี 2563 จะแตะระดับ 13.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรลจากระดับในปี 2562
แม้มีการคาดการณ์ว่า ส่วนแบ่งในตลาดการใช้พลังงานทั่วโลกอาจลดลงในระยะยาว แต่ความต้องการน้ำมันของตลาดในปีนี้จะสูงกว่าในปี 2562 เล็กน้อย อันเนื่องมาจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและความตึงเครียดทางการค้าที่ลดลง ขณะเดียวกัน ความเสี่ยงของตลาดการเงินที่เพิ่มขึ้นและดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง จะช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นด้วย
ตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้นหรือไม่?
ตลาดหุ้นทั่วโลกสดใสเป็นส่วนใหญ่ในปี 2562 ซึ่งตรงข้ามกับแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาค โดยในสหรัฐนั้น ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 27 ธ.ค. 2562 พุ่งขึ้นราว 29% จากต้นปี 2562 ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นราว 36% ส่วนตลาดหุ้นอื่นๆ ปรับตัวขึ้นด้วย โดยเฉพาะประเทศในสหภาพยุโรป (EU) และญี่ปุ่น แต่ตลาดหุ้นในประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่ปรับตัวขึ้นไม่มากนัก
นักวิเคราะห์ระบุว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางรายใหญ่ต่างๆ และจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐและการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังมองว่า แม้ธนาคารกลางต่างๆเริ่มยุติการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง แต่ตลาดหุ้นทั่วโลกยังได้แรงหนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่า ตลาดหุ้นในปี 2563 มีแนวโน้มพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง นำโดยหุ้นในประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่ หากสถานการณ์การค้าโลกไม่เลวร้ายลง
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางรายคาดว่า การปรับตัวของตลาดหุ้นทั่วโลกในปี 2563 จะเป็นไปอย่างจำกัด โดยระบุว่า ตลาดต่างๆ โดยเฉพาะตลาดสหรัฐนั้น มีมูลค่าสูงเกินไปแล้ว