ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวเกียวโดบ่งชี้ว่า บริษัทรายใหญ่มีมุมมองที่เป็นลบมากขึ้นต่อภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และการปรับขึ้นภาษีการอุปโภคบริโภค
ผลสำรวจดังกล่าวจัดทำขึ้นในช่วงต้นเดือนพ.ย.จนถึงต้นเดือนธ.ค. โดยทำการสอบถามบริษัท 113 แห่ง รวมถึง โตโยต้า มอเตอร์, เอ็นทีที โดโคโม อิงค์ และโซนี่ คอร์ป ซึ่งปรากฏว่า 19% ของบริษัทที่ได้รับการสำรวจกล่าวว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งตัวเลขดังกล่าวลดลงจากระดับ 23% ในการสำรวจช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ขณะที่ไม่มีบริษัทใดเลยที่เชื่อว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ผู้ตอบแบบสำรวจ 61% เชื่อว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะทรงตัว และมี 19% เชื่อว่าเศรษฐกิจจะค่อยๆชะลอตัว โดยในจำนวนนี้มี 26% ที่มองว่า "การค้าชะลอตัวลงเนื่องจากผลกระทบของนโยบายกีดกันการค้า" และ 14% มองว่า "การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนเป็นสาเหตุที่ทำให้การค้าซบเซาลง"
ทั้งนี้ จีนและสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากเปิดสงครามการค้ากันนานกว่าหนึ่งปี แต่นักวิเคราะห์จำนวนมากยังคงกังวลว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนจะพัฒนาขึ้นหรือไม่
นอกจากนี้ มีผู้ตอบแบบสำรวจประมาณ 32% มองว่า "การบริโภคชะลอตัวลง" ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศขึ้นภาษีการบริโภคจากระดับ 8% เป็น 10% เมื่อเดือนต.ค. 2562 และเป็นสาเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มจะทรงตัวหรือชะลอตัวลง
อย่างไรก็ตาม แม้การปรับเพิ่มภาษีการบริโภคจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แต่ 63% ของบริษัทที่ทำแบบสำรวจระบุว่า เป็นการตัดสินใจที่เหมาะสมของรัฐบาลในการฟื้นฟูสถานะด้านการคลัง ขณะที่มี 2% ไม่พอใจกับการปรับขึ้นภาษีดังกล่าว
สำหรับแนวโน้มปี 2563 นั้น มีบริษัท 43% คาดหวังว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว โดยได้รับอานิสงค์จากการที่ญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโตเกียวโอลิมปิกและพาราลิมปิกในช่วงฤดูร้อนนี้