สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางมีแนวโน้มบานปลาย และอาจฉุดตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงอีก หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากสหรัฐใช้ปฎิบัติการโจมตีทางอากาศต่อท่าอากาศยานนานาชาติกรุงแบกแดดของอิรักในช่วงเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้นายพลกัสซิม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลัง Quds Force ของอิหร่าน เสียชีวิต
ความกังวลดังกล่าวได้ฉุดดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลง 233.92 จุด หรือ 0.81% เมื่อวันศุกร์ และได้ฉุดตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาคเอเชียร่วงลงในช่วงเช้าวันนี้ด้วย
-- ราคาทองในตลาดสปอตพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 6 ปี ในช่วงเช้านี้ เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางส่งผลให้นักลงทุนแห่ซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ณ เวลา 07.22 น.ตามเวลาสิงคโปร์ ราคาทองในตลาดสปอตพุ่งขึ้น 2.3% แตะที่ระดับ 1,588.13 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2556
ส่วนราคาทองฟิวเจอร์พุ่งขึ้นเช้านี้เช่นกัน โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) เดือนก.พ. ซึ่งมีการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกส์ พุ่งขึ้น 19.80 ดอลลาร์ หรือ 1.28% แตะที่ระดับ 1,572.20 ดอลลาร์/ออนซ์
-- กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกแถลงการณ์เตือนว่า อิหร่านอาจโจมตีซาอุดีอาระเบียอีกระลอก โดยคาดว่าอาจจะใช้ขีปนาวุธหรือโดรนเพื่อโจมตีพื้นที่ใกล้ฐานทัพทหารและแหล่งน้ำมันในซาอุดีอาระเบีย
ถ้อยแถลงดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดย ณ เวลา 07.56 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 84 เซนต์ หรือ 1.33% แตะที่ระดับ 63.89 ดอลลาร์/บาร์เรล
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สหรัฐพร้อมตอบโต้อิหร่าน "อย่างรุนแรง" หากอิหร่านคิดแก้แค้นสหรัฐที่ปลิดชีพนายพลกัสซิม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลัง Quds Force ของอิหร่าน
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวอีกด้วยว่า สหรัฐต้องการที่จะโจมตีแหล่งวัฒนธรรมของอิหร่าน เนื่องจากอิหร่านได้คร่าชีวิตชาวสหรัฐไปหลายราย พร้อมกับกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐจะหารือเกี่ยวกับการปล่อยข่าวกรองที่เกี่ยวข้องกับการโจมตีนายโซเลมานี
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า "พวกเขากล้าจุดชนวนระเบิดคร่าชีวิตผู้คนบนถน แล้วเราจะไม่สามารถแตะต้องแหล่งวัฒนธรรมของพวกเขาได้เลยหรือ"
-- สำนักงานสถิติของฮ่องกงเปิดเผยว่า มูลค่ายอดค้าปลีกของฮ่องกงร่วงลง 23.6% ในเดือนพ.ย. 2562 ใกล้เคียงกับการร่วงลง 24.4% ในเดือนต.ค. ขณะที่ปริมาณการค้าปลีกในเดือนพ.ย. หดตัวลง 25.4%
ส่วนมูลค่าการค้าปลีกในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2562 (ม.ค.-พ.ย.) ลดลง 10.34% และปริมาณการค้าปลีกในช่วงเวลาดังกล่าว ลดลง 11.4% เมื่อเทียบกับปี 2561
ทั้งนี้ ผู้ค้าปลีกทั้งรายใหญ่และรายย่อยได้รับผลกระทบจากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลฮ่องกงที่ยืดเยื้อมานานนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2562
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยมาร์กิตเตรียมเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนธ.ค.ของฝรั่งเศส เยอรมนี อียู อังกฤษ และสหรัฐ
ส่วนในวันพรุ่งนี้ อียูเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค. ขณะที่สหรัฐเปิดเผยดุลการค้าเดือนพ.ย., ดัชนีภาคบริการเดือนธ.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ย.