นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเปิดเผยว่า วิกฤติที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX อาจทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐลดลง 0.5% ในปี 2563 แม้เขาคาดว่า GDP มีแนวโน้มขยายตัวราว 2.5% ก็ตาม
นายมนูชินกล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์ นิวส์ว่า โบอิ้งเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุด และวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นกับโบอิ้ง 737 MAX อาจฉุด GDP สหรัฐลดลงมากถึง 0.5% ในปีนี้
ทั้งนี้ โบอิ้งกลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก นับตั้งแต่เครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX ได้ถูกสั่งห้ามขึ้นบินทั่วโลกตั้งแต่เดือนมี.ค.ที่ผ่านมา หลังจากเกิดเหตุเครื่องบินรุ่นดังกล่าวตกในอินโดนีเซียและเอธิโอเปีย ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันถึง 346 คน ขณะที่หน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินของสหรัฐระบุว่า ยังไม่มีกำหนดเวลาแน่นอนที่จะอนุมัติให้เครื่องบินรุ่นดังกล่าวขึ้นบินอีกครั้ง
วิกฤติดังกล่าวทำให้มูลค่าตลาดของโบอิ้งลดลงกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ และทำให้สายการบินต่างๆได้รับความเสียหายกว่า 1 พันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ วิกฤติดังกล่าวส่งผลกระทบต่อบริษัทที่ผลิตชิ้นส่วนให้กับโบอิ้ง โดยบริษัทสปิริต แอโรซิสเต็มส์ ซึ่งผลิตชิ้นส่วนลำตัวของโบอิ้ง 737 MAX ประกาศปลดพนักงานออกประมาณ 2,800 คน และเตือนว่าอาจมีการปลดเพิ่มอีก
อย่างไรก็ดี โบอิ้งระบุว่า ทางบริษัทไม่มีแผนจะปลดพนักงาน แต่เตรียมโยกย้ายพนักงานประมาณ 3,000 คนที่ทำงานเกี่ยวกับเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX ไปทำงานในส่วนอื่นๆของบริษัท เช่น โครงการเครื่องบิน 777X และ 767