องค์การสหประชาชาติ (UN) เปิดเผยในรายงานล่าสุดว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมานั้น อาจเป็นปัจจัยหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็คาดว่า การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐจะชะลอตัวลงสู่ระดับ 1.7% ในปี 2563 จากระดับ 2.2% ในปี 2562 เนื่องจากสถานการณ์การเมืองในสหรัฐที่ยังคงไม่แน่นอน ประกอบกับความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจที่อ่อนแอลง และมาตรการกระตุ้นการคลังที่ลดน้อยลง
ทั้งนี้ UN เปิดเผยรายงานสถานการณ์และแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Situation and Prospects หรือ WESP) โดยรายงานดังกล่าวยังได้ระบุถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของจีนด้วยว่า GDP ปี 2563 ของจีนมีแนวโน้มชะลอตัวลงสู่ระดับ 6.0% จากระดับ 6.1% ในปี 2562 และคาดว่าจะขยายตัว 5.9% ในปี 2564 โดยปัจจัยหนุนส่วนใหญ่จะมาจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายนโยบายการเงินและการคลังมากขึ้น
ส่วนเศรษฐกิจในกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) นั้น UN คาดว่า จะขยายตัวราว 1.6% ในปี 2563 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 1.4% ในปี 2562 โดยระบุว่า ภาคการผลิตของ EU จะยังคงได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นทั่วโลก แต่ปัจจัยลบเหล่านี้จะได้รับการชดเชยด้วยการอุปโภคบริโภคในภาคเอกชนที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สำนักข่าวซินหัวรายงาน