ภาคธุรกิจของอังกฤษแสดงความกังวลว่า การที่อังกฤษไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของสหภาพยุโรป (EU) หลังจากที่แยกตัวจาก EU (Brexit) จะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคโดยทำให้ราคาอาหารพุ่งสูงขึ้น
นายทิม ไรครอฟท์ ประธานสหพันธ์อาหารและเครื่องดื่มอังกฤษ กล่าวว่า "สิ่งนี้หมายความว่าภาคธุรกิจจะต้องปรับตัวเข้ากับกระบวนการตรวจสอบสินค้าตามชายแดนที่มีค่าใช้จ่ายมากขึ้น และจะส่งผลให้มีการปรับขึ้นราคาสินค้า"
ทางด้านนายไมค์ ฮอว์ส ประธานสมาคมผู้ผลิตและผู้ค้ายานยนต์อังกฤษ กล่าวย้ำถึงความจำเป็นในการหลีกเลี่ยงการตั้งกำแพงภาษีและการค้า หลังจากช่วง Brexit
นายฮอว์สกล่าวว่า ภาคธุรกิจจะมีค่าใช้จ่ายในการพัฒนาธุรกิจเพิ่มขึ้นจำนวนหลายพันล้านปอนด์ นอกจากว่าอังกฤษและ EU จะสามารถบรรลุข้อตกลงที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน
นายซาจิด จาวิด รัฐมนตรีคลังอังกฤษ กล่าวเตือนภาคธุรกิจว่า กฎระเบียบของอังกฤษจะไม่สอดคล้องกับ EU หลังจากช่วง Brexit และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ
ทั้งนี้ ในการให้สัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์ นายจาวิดกล่าวว่า อังกฤษจะไม่ยึดติดกับกฎข้อบังคับของ EU ในการเจรจาการค้าช่วงหลัง Brexit
"เราจะไม่อยู่ในระบบตลาดเดี่ยวของยุโรป และเราจะไม่อยู่ในสหภาพศุลกากรยุโรป ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้" นายจาวิดกล่าว
ทั้งนี้ อังกฤษมีกำหนดแยกตัวอย่างเป็นทางการจาก EU ในวันที่ 31 ม.ค. ขณะที่มีช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน 11 เดือนในการปฏิบัติตามกฎระเบียบของ EU และอังกฤษมีกำหนดเส้นตายภายในปลายปีนี้ในการสรุปการเจรจาการค้ากับ EU
คำกล่าวของนายจาวิดสร้างความวิตกกังวลต่อภาคธุรกิจอังกฤษเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างอังกฤษและ EU ในช่วงหลัง Brexit