ศาลแคนาดาเริ่มทำการไต่สวนกรณีส่งตัวนางเมิ่ง หว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ) ของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ไปดำเนินคดีในสหรัฐในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน โดยทางการสหรัฐตั้งข้อกล่าวหาว่า นางเมิ่งกระทำความผิดฐานละเมิดมาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐบังคับใช้ต่ออิหร่าน
รายงานระบุว่า นางเมิ่ง วัย 47 ปี ไม่ได้กล่าวแสดงความเห็นใดๆในขณะเดินทางมาถึงศาลเมืองแวนคูเวอร์ เพื่อรับฟังคำไต่สวนตามกำหนดในวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น
-- หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ซึ่งเป็นบริษัทสื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่ของจีน ได้ออกแถลงการแสดงความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของศาลแคนาดา โดยถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ศาลได้เริ่มเปิดฉากการไต่สวนกรณีส่งตัวนางเมิ่ง หว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ) ของหัวเว่ย ไปดำเนินคดีในสหรัฐในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน
โฆษกของหัวเว่ยกล่าวในแถลงการณ์ว่า "เราเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของแคนาดา ซึ่งจะพิสูจน์ว่า นางเมิ่งบริสุทธิ์ หัวเว่ยขอยืนเคียงข้างนางเมิ่งในช่วงเวลาที่เธอต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและเสรีภาพ เราหวังว่านางเมิ่งจะสามารถกลับมาอยู่ด้วยกันกับครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และมิตรสหายของเธอ โดยเร็ว"
-- ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสเปิดเผยว่า เขาได้หารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เกี่ยวกับภาษีดิจิทัลที่ฝรั่งเศสวางแผนจะเรียกเก็บจากบริษัทต่างชาติ โดยฝรั่งเศสและสหรัฐจะร่วมมือกันเพื่อหลีกเลี่ยงการปรับขึ้นภาษีศุลกากร
ด้านแหล่งข่าวการทูตของฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ปธน.มาครงและปธน.ทรัมป์ได้ตกลงที่จะชะลอการเก็บภาษีศุลกากรออกไปจนถึงสิ้นปี 2563 และในระหว่างนี้ องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) จะมีการเจรจาต่อรองกันอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับประเด็นภาษีดิจิทัล
-- เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในเมืองอู่ฮั่น มณฑลเหอเป่ยของจีน เปิดเผยในวันนี้ว่า มีการยืนยันผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสจำนวน 198 รายในเมืองอู่ฮั่น และมีผู้ติดเชื้อดังกล่าวอย่างน้อย 20 รายในเมืองอื่นๆ ของจีน ส่งผลให้ขณะนี้จีนมีผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสจำนวนราว 220 ราย ขณะที่มีผู้เสียชีวิตจากเชื้อดังกล่าวจำนวน 3 ราย
สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสนอกเมืองอู่ฮั่น ได้แก่ 5 รายในกรุงปักกิ่ง, 1 รายในเมืองเซี่ยงไฮ้ และ 14 รายในมณฑลกวางตุ้ง ส่วนประเทศอื่นๆ ในเอเชียนั้น พบผู้ติดเชื้อรายแรกในเกาหลีใต้ หลังจากที่พบในไทยและญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
-- สื่อต่างประเทศรายงานว่า บรรดาเทรดเดอร์และกองทุนได้เพิ่มสถานะการลงทุนในตลาดหุ้นจีนสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2558 และยอดการกู้เงินเพื่อซื้อหุ้นสูงเกินระดับ 1 ล้านล้านหยวน (1.46 แสนล้านดอลลาร์) สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2561
ด้านนักวิเคราะห์ระบุว่า บรรยากาศการซื้อขายได้ในตลาดหุ้นจีนขณะนี้ได้แรงหนุนจากการทำข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐและจีน, สัญญาณเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ และความเชื่อมั่นที่ว่า ตลาดหุ้นจะยังคงปรับตัวขึ้นต่อไปหลังพ้นวันหยุดเทศกาลตุรษจีน 1 สัปดาห์ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันศุกร์นี้
-- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกสู่ระดับ 3.3% ในปีนี้ จากเดิมที่คาดการณ์ในเดือนต.ค.ที่ระดับ 3.4%
นอกจากนี้ IMF ยังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้า สู่ระดับ 3.4% จากเดิมที่ระดับ 3.6% ขณะเดียวกัน IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกขยายตัว 2.9% ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกในปี 2551-52 จากเดิมที่ระดับ 3.0%
-- มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของฮ่องกงลง 1 ขั้น สู่ระดับ Aa3 จากระดับ Aa2 โดยระบุว่า รัฐบาลฮ่องกงล่าช้าและไร้ประสิทธิภาพในการรับมือกับเหตุการณ์ประท้วง ซึ่งส่งผลให้ความแข็งแกร่งของสถาบันต่างๆ และระบบธรรมาภิบาลของฮ่องกง ลดลงมากกว่าที่มูดี้ส์ได้ประเมินไว้ก่อนหน้านี้
แถลงการณ์ของมูดี้ส์ระบุว่า "การที่รัฐบาลฮ่องกงไม่มีแผนการที่ชัดเจนในการแก้ปัญหาทั้งในด้านการเมืองและเศรษฐกิจ และจากการที่สังคมได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับชื่อเสียงของฮ่องกงในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมานั้น อาจสะท้อนให้เห็นว่า สถานะของฮ่องกงอ่อนแอลงมากกว่าที่มูดี้ส์ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีความล่าช้าในการตอบสนองต่อทั้งข้อเรียกร้องทางการเมือง และการแก้ไขปัญหาความวิตกกังวลเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวฮ่องกง ต้นทุนที่อยู่อาศัย ความเท่าเทียมกันในด้านโอกาสทางเศรษฐกิจ"
อย่างไรก็ดี มูดี้ส์ได้ปรับเพิ่มแนวโน้มความน่าเชื่อถือของฮ่องกงสู่ "มีเสถียรภาพ" จาก "เชิงลบ"
-- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นขึ้นสู่ระดับ 0.7% ในปี 2563 จากระดับ 0.5% ที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนต.ค. โดยระบุว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะได้ปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ประกาศใช้เมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ IMF ยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นในปี 2562 อีก 0.1% สู่ระดับ 1% โดยได้ปัจจัยบวกการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ขยายตัวได้ดีเกินคาด รวมทั้งแรงหนุนจากมาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อกระตุ้นการจับจ่าย และมาตรการอื่นๆ ที่รัฐบาลกำหนดขึ้นเพื่อชดเชยผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีการอุปโภคบริโภคในเดือนต.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่ความแข็งแกร่งของการลงทุนภาคเอกชนก็เป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจเช่นกัน
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ขณะที่อังกฤษเตรียมเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนพ.ย. และสถาบัน ZEW เตรียมเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนม.ค.ของอียูและเยอรมนี
ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้เปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2562, ออสเตรเลียเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จากเวสต์แพค และสหรัฐเปิดเผยดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนธ.ค.จากเฟดชิคาโก, ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย. และยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค.