ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในวันนี้ โดยระบุว่าสหรัฐเสียเปรียบประเทศอื่นซึ่งมีการใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบ
"ขณะนี้สหรัฐเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก แต่เราต้องถูกบีบให้แข่งขันกับประเทศซึ่งใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบ อย่างไรก็ดี เรายังคงมีตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในหลายด้าน ซึ่งมาจากการทำข้อตกลงทางการค้า และการผ่อนคลายกฎระเบียบ" ปธน.ทรัมป์กล่าว
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ก็ไม่ลีมที่จะวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
"เศรษฐกิจสหรัฐดีดตัวขึ้นในช่วงนี้ แม้ว่าเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป และปรับลดช้าเกินไป" เขากล่าว
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์เคยเรียกร้องหลายครั้งให้เฟดใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ พร้อมกับผ่อนคลายนโยบายการเงินอีกครั้งหนึ่งด้วยการซื้อพันธบัตรตามนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เนื่องจากดอลลาร์กำลังแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อการส่งออกของสหรัฐ
ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์มักแสดงความไม่พอใจต่อนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด โดยระบุว่า นโยบายการเงินของเฟดกำลังทำให้ดอลลาร์แข็งค่า และอัตราดอกเบี้ยกำลังส่งผลกระทบต่อผู้ผลิต ซึ่งเฟดควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำกว่าประเทศอื่นๆ โดยปรับลดสู่ระดับ 0% หรือสู่ระดับติดลบ
อย่างไรก็ดี ตลาดการเงินยังมีความไม่มั่นใจต่อการใช้เครื่องมือดังกล่าว เนื่องจากเชื่อกันว่าการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบเป็นเวลานานจะส่งผลกระทบต่องบดุลของธนาคาร ซึ่งจะลุกลามไปกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศ ขณะที่เฟดก็มีความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าว เฟดระบุว่า ระบบการเงินของสหรัฐมีความแตกต่างอย่างมากจากกลุ่มประเทศที่มีการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบในขณะนี้ และอัตราดอกเบี้ยติดลบจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของตลาด และเสถียรภาพทางการเงินในสหรัฐมากกว่าในต่างประเทศ ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดอยู่ที่ระดับ 1.50-1.75% และเฟดส่งสัญญาณว่าจะไม่มีการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยในปีนี้