บริษัทเทสลา อิงค์ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐ รายงานกำไรขั้นต้นที่ไม่นับรวมรายจ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในไตรมาส 4/2562 อยู่ที่ 2.14 ดอลลาร์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2 ดอลลาร์ต่อหุ้น และรายได้ของเทสลาเพิ่มขึ้น 2% สู่ระดับ 7.4 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบรายปี จากระดับ 7.2 พันล้านดอลลาร์
ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาส 4/2562 อยู่ที่ระดับ 105 ล้านดอลลาร์ หรือ 56 เซนต์ต่อหุ้น ลดลงเมื่อเทียบรายปี จากระดับ 140 ล้านดอลลาร์หรือ 78 เซนต์ต่อหุ้น
ทั้งนี้ เทสลารายงานผลกำไรขั้นต้นในไตรมาส 4/2562 สูงกว่าที่ตลาดวอลล์สตรีทคาดไว้ และเทสลายังกำหนดเป้าหมายยอดขายรถยนต์ในปีนี้ไว้ที่ระดับมากกว่า 500,000 คัน
นักวิเคราะห์ที่ได้รับการสำรวจโดย FactSet คาดไว้ว่า เทสลาอาจจะรายงานกำไรขั้นต้นที่ 1.77 ดอลลาร์ต่อหุ้น และมีรายได้จากยอดขายที่ 7 พันล้านดอลลาร์
นายแซช เคิร์กฮอร์น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน (CFO) ของเทสลาระบุในการแถลงข่าวว่า เทสลาคาดว่า การผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Model-3 ในเซี่ยงไฮ้อาจจะล่าช้าไป 1 สัปดาห์ถึง 1 สัปดาห์ครึ่ง เนื่องจากรัฐบาลจีนได้สั่งให้โรงงานปิดดำเนินการ อันเนื่องจากมาจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
นายเคิร์กฮอร์นกล่าวว่า ความล่าช้าดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบเล็กน้อยต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในไตรมาสแรก แต่ก็จะเป็นผลกระทบที่จำกัด เนื่องจากสัดส่วนกำไรจากรถรุ่น Model 3 ที่ผลิตในเซี่ยงไฮ้ยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้น ขณะที่บริษัทกำลังจับตาอย่างใกล้ชิดว่าจะเกิดผลกระทบด้านห่วงโซ่อุปทานสำหรับการผลิตรถยนต์ของบริษัที่โรงงานในเมืองฟรีมอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนียหรือไม่ แต่จนถึงขณะนี้ เทสลายังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับผลกระทบดังกล่าวแต่อย่างใด