อดีตประธานเฟดชี้ไวรัสโคโรนาเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก แต่แทบไม่ส่งผลกระทบในระยะยาว

นางเจเน็ต เยลเลน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวที่มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ว่า ขณะที่เธอมองว่าการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก แต่โรคระบาดที่คล้ายกันนี้และเคยเกิดขึ้นมาแล้วนั้น ส่งผลกระทบระยะยาวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

นายไค รีสดาล ผู้จัดรายการวิทยุ Marketplace วึ่งเป็นผู้ดำเนินการเสวนาในครั้งนี้ได้ถามนางเยลเลน และนายเดวิด มัลพาส ประธานธนาคารโลกเกี่ยวกับวิกฤตไวรัสโคโรนาระบาดว่า นางเยลเลนและนายมัลพาสวิตกกังวลหรือไม่ว่า การระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวจากจีน อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

นางเยลเลนระบุว่า ยังคงมีความไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับไวรัสโคโรนา และยังไม่แน่นอนว่าจะสามารถควบคุมไวรัสดังกล่าวได้หรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าวิตกอย่างมาก

นางเยลเยนแสดงความเห็นว่า ไวรัสโคโรนาเป็นความไม่แน่นอน และเป็นความเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก

ด้านนายมัลพาส กล่าวว่า ไวรัสโคโรนาส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก โดยระบุว่า การตัดสินใจของสายการบินต่างๆ ที่ยุติเที่ยวบินไปยังจีน ไม่เพียงแต่ยับยั้งการเดินทางของประชาชน แต่ยังสกัดกั้นการขนส่งสินค้าในเที่ยวบินเดียวกันอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม นายมัลพาสยังคงมีความหวังว่าผลกระทบในระยะยาวจะไม่รุนแรง โดยระบุว่า เทคโนโลยีจะช่วยในการรับมือไวรัส ดังนั้น จึงมีความหวังว่า การรับมือทางวิทยาศาสตร์จะทำให้วงจรของวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้สั้นลง

คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงวันนี้ว่า ณ วันอังคารที่ 4 ก.พ. มีผู้เสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีนเพิ่มขึ้นอีก 65 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตในจีนเพิ่มขึ้นเป็น 490 ราย ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 3,887 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 24,324 ราย

ทั้งนี้ ประเทศต่างๆ ทั่วโลกกว่า 24 แห่งพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งกระตุ้นให้บรรดาผู้นำทั่วโลกเร่งดำเนินการเพื่อลดผลกระทบของโรคระบาดดังกล่าวไม่ใช่แค่เพียงผลกระทบกับพลเมือง แต่ยังรวมถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก