World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 18 มีนาคม 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 18, 2020 09:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 1,000 จุดเมื่อคืนนี้ (17 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐ และจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศแผนซื้อคืนพันธบัตรเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบการเงิน โดยมาตรการเหล่านี้มีเป้าหมายที่จะลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

-- นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐประกาศว่า รัฐบาลจะมอบเงินจากกองทุนฉุกเฉินให้แก่ชาวอเมริกันในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า ขณะที่ภาคธุรกิจสามารถเลื่อนการชำระภาษีเป็นจำนวนเงินมากถึง 10 ล้านดอลลาร์ ส่วนบุคคลธรรมดาสามารถเลื่อนการชำระภาษีเป็นจำนวนเงิน 1 ล้านดอลลาร์ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้อนุมัติให้มีการเลื่อนการชำระภาษีให้แก่กรมสรรพากรสหรัฐคิดเป็นวงเงินรวม 3 แสนล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ ทำเนียบขาวยังมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 8.5 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์แก่อุตสาหกรรมการบิน ขณะที่ปธน.ทรัมป์ให้คำมั่นว่า รัฐบาลจะดำเนินการครั้งใหญ่ โดยจะไม่ให้ธุรกิจสายการบินประสบภาวะล้มละลาย และจะไม่ให้ชาวอเมริกันตกงาน

-- ข้อมูลล่าสุดจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ระบุว่า ขณะนี้สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) มากกว่า 6,000 ราย โดยตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลข ณ เวลา 19.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นเมื่อวานนี้ (17 มี.ค.)

ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐอยู่ที่ 6,233 ราย เพิ่มขึ้นกว่า 1,000 รายภายในเวลาเพียง 7 ชั่วโมง ขณะยอดรวมผู้เสียชีวิตทั่วประเทศอยู่ที่ 105 ราย

-- กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษเปิดเผยว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 26% ภายในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง สู่ระดับ 1,950 ราย

นอกจากนี้ ผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีจำนวน 56 ราย

-- คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงวันนี้ว่า ณ วันอังคารที่ 17 มี.ค. มีผู้เสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในจีน เพิ่มขึ้นอีก 11 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตทั่วประเทศจีน เพิ่มเป็น 3,237 ราย

ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ เพิ่มขึ้นอีก 13 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ เพิ่มขึ้นเป็น 80,894 ราย

ขณะที่ผู้ป่วย 922 รายได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อวานนี้ ส่งผลให้ผู้ป่วยติดเชื้อที่ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลหลังจากมีอาการดีขึ้นแล้วนั้น รวมอยู่ที่ 69,601 ราย

-- หนังสือพิมพ์พีเพิล เดลีของพรรคคอมมิวนิสต์จีนรายงานว่า จีนได้อนุมัติให้คณะนักวิจัยเริ่มทำการทดสอบวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ในคนแล้ว เพื่อเร่งพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสดังกล่าวซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกกว่า 7,000 ราย

พีเพิล เดลีรายงานว่า คณะนักวิจัยของสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหารของจีนซึ่งอยู่ในสังกัดของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) ได้รับอนุมัติให้เริ่มการทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 ทางคลินิกขั้นแรกซึ่งจะเริ่มขึ้นในสัปดาห์นี้

รายละเอียดในฐานข้อมูลการจดทะเบียนการทดลองทางคลินิกของจีนบ่งชี้ว่า การทดสอบระยะที่ 1 จะเป็นการตรวจสอบว่า วัคซีนที่ใช้ทดลองมีความปลอดภัยกับคนหรือไม่ โดยจะมีประชาชนที่สุขภาพแข็งแรง 108 คนเข้าร่วมการทดลองระหว่างวันที่ 16 มี.ค.-31 ธ.ค.

ฐานข้อมูลระบุด้วยว่า การทดลองดังกล่าวจะจัดขึ้นโดยสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหารของจีน และบริษัทแคนซิโน ไบโอโลจิกส์ ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพในฮ่องกง

-- รัฐบาลของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) มีมติปิดพื้นที่ชายแดนทั้งหมดเพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนจากประเทศอื่นๆเดินทางเข้า EU เป็นเวลา 30 วัน โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ส่วนการเดินทางของพลเมืองชาว EU นั้น จะยังคงได้รับอนุญาต แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่เข้มงวด

อย่างไรก็ดี มาตรการดังกล่าวจะไม่บังคับใช้ต่อบุคลากรทางการแพทย์ การขนส่งยา และสินค้าประเภทต่างๆ

-- ผู้นำของประเทศกลุ่ม G20 เตรียมจัดการประชุมทางไกลในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือกันเกี่ยวกับการรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

ซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นเจ้าภาพการประชุม G20 ครั้งนี้กล่าวในแถลงการณ์ว่า ประเทศสมาชิกกลุ่ม G20 จะร่วมมือกับองค์กรนานาชาติเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเสนอนโยบายความร่วมมือเพื่อปกป้องประชาชนและเศรษฐกิจทั่วโลก

-- ประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารูของบราซิลประกาศว่า ผลการทดสอบหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งที่สองของเขาเป็นลบ หลังจากที่ผลทดสอบครั้งแรกก็แสดงว่า เขาไม่ได้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าว

นายโบลโซนารู และคณะรัฐมนตรีของบราซิลซึ่งรวมถึงนายฟาบิโอ แวนการ์เทน โฆษกของปธน.โบลโซนารู ได้ร่วมเดินทางไปเยือนสหรัฐอย่างเป็นทางการเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา และได้พบปะกับปธน.โดนัลด์ ทรัมป์และบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐ ขณะที่มีรายงานในสัปดาห์ที่แล้วว่า นายแวนการ์เทนได้รับการตรวจสอบแล้วพบว่าติดเชื้อโควิด-19

-- สื่อต่างประเทศหลายแห่งรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้กล่าวกับวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันว่า อัตราว่างงานในสหรัฐมีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะระดับ 20% หากรัฐบาลไม่บังคับใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากเศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

การแสดงความเห็นของนายมนูชินมีขึ้นในขณะที่เขาพยายามเรียกร้องให้วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อเยียวยาเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างหนัก

ทั้งนี้ นายมนูชินกล่าวว่า หากไม่มีการผลักดันให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมีผลบังคับใช้เพื่อช่วยเหลือพนักงานและภาคธุรกิจ ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นต่อระบบเศรษฐกิจสหรัฐนั้นจะรุนแรงมากกว่าเมื่อครั้งที่เกิดวิกฤตการเงินในปี 2551

-- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซนดิ่งลงสู่ระดับ -49.5 ในเดือนมี.ค. จากระดับ +10.4 ในเดือนก.พ.

ดัชนีความเชื่อมั่นได้รับผลกระทบจากความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ร่วงลงสู่ระดับ -48.5 จากระดับ -10.3 ในเดือนก.พ.

-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกลดลง 0.5% ในเดือนก.พ. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากพุ่งขึ้น 0.6% ในเดือนม.ค.

เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 4.3% ในเดือนก.พ.

ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ทรงตัวในเดือนก.พ. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนม.ค.

-- สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้น 411,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 7.0 ล้านตำแหน่งในเดือนม.ค. หลังจากปรับตัวลง 2 เดือนติดต่อกัน

ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานในภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 370,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ส่วนภาครัฐเพิ่มขึ้น 40,000 ตำแหน่ง

ส่วนอัตราการเปิดรับสมัครงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4% จากระดับ 4.1% ในเดือนธ.ค.

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ อียูเตรียมเปิดเผยดุลการค้าเดือนม.ค. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ. ขณะที่สหรัฐเตรียมเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.พ. รวมถึงสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ. ออสเตรเลียจะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนก.พ. ด้านสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนมี.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 4/2562 และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.พ.จาก Conference Board


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ