ยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ในยุโรปสูงเกินกว่าในประเทศจีนแล้ว โดยข้อมูลจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมดในยุโรปมีจำนวนมากกว่า 85,000 ราย ซึ่งแซงหน้ายอดผู้ติดเชื้อทั้งหมดของจีนที่ 80,900 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในยุโรปเข้าใกล้ระดับ 4,000 คน เมื่อเทียบกับยอดผู้เสียชีวิตที่ 3,200 คนในจีน โดยผู้เสียชีวิตเฉพาะในอิตาลีนั้นสูงถึง 2,978 ราย
-- กระทรวงสาธารณสุขอิตาลีเปิดเผยว่า ณ วันพุธที่ 18 มีนาคม ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในประเทศ อยู่ที่ 2,978 ราย ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 35,713 ราย ขณะที่จำนวนผู้ที่รักษาหายแล้วอยู่ที่ 4,025 ราย
-- ข้อมูลล่าสุดจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ระบุว่า ขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในสหรัฐ อยู่ที่ 9,077 ราย ณ เวลา 19.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นเมื่อวานนี้ (18 มี.ค.) โดยเพิ่มขึ้นกว่า 2,000 รายภายในระยะเวลาเพียง 9 ชั่วโมง ขณะที่ยอดรวมของผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 145 ราย
-- ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลี (KCDC) รายงานในวันนี้ว่า เกาหลีใต้มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) รายใหม่ เพิ่มขึ้นอีก 152 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อภายในประเทศ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8,565 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 7 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 92 ราย ส่วนยอดผู้ติดเชื้อที่ได้รับการรักษาจนหายดีและกลับบ้านได้แล้ว เพิ่มขึ้น 407 ราย ยอดรวมอยู่ที่ 1,947 ราย
-- นายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นเมื่อวานนี้ว่ามีแนวโน้มที่จะมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในนิวยอร์กที่ไม่รู้ตัวว่าได้รับเชื้อแล้วประมาณ 10,000 ราย โดยมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อมากขึ้น และเชื่อว่าจะมีการแพร่ระบาดมากกว่าที่ตัวเลขระบุ นอกจากนี้ นายคูโอโมยังแสดงความกังวลด้วยว่า สหรัฐมีเตียงในโรงพยาบาลและเครื่องช่วยหายใจไม่เพียงพอ
-- กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารแห่งประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นเดือนก.พ.ชะลอตัวลงสู่ระดับ 0.6% จากปีก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงและความกังวลที่มีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
-- ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.25% จากเดิมที่ระดับ 0.5% ในการประชุมฉุกเฉินวันนี้ พร้อมประกาศปล่อยเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำสำหรับภาคธนาคาร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง นอกจากนี้ RBA จะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลในตลาดรองด้วย
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีชื่อว่า "Families First Coronavirus Response Act" โดยครอบคลุมถึงการให้บริการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 กับประชาชนสหรัฐโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และการจ่ายเงินชดเชยให้กับลูกจ้างที่ลาป่วยจากการติดเชื้อ
-- นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ประกาศใช้มาตรการด้านการคลังเพื่อรับมือผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) วงเงิน 8.2 หมื่นล้านดอลลาร์แคนาดา (5.67 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ประกอบด้วย เงินสนับสนุนโดยตรงมูลค่า 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์แคนาคา สำหรับให้ความช่วยเหลือบุคคลและบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และ 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์แคนาดา เพื่อการลดหย่อนภาษีชั่วคราวสำหรับภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ
-- ตลาดหุ้นอินโดนีเซียประกาศระงับซื้อขายในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากดัชนีทรุดตัวลงกว่า 5% อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับค่าเงินรูเปียห์ที่ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินในภูมิภาคเอเชีย โดยนับเป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 6 วันที่ตลาดหุ้นอินโดนีเซียประกาศระงับการซื้อขาย
-- นายสก็อต มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ได้ประกาศสั่งห้ามผู้ที่ไม่ได้ถือสัญชาติออสเตรเลียเดินทางเข้าประเทศ โดยคำสั่งดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่คืนวันศุกร์นี้
-- องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) เปิดเผยรายงานล่าสุดระบุว่า ประชาชนทั่วโลกจะตกงานราว 5.3-24.7 ล้านตำแหน่ง อันเนื่องมาจากวิกฤตเศรษฐกิจและแรงงานที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ซึ่งสูงกว่าในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินโลกในปี 2551-2552 ที่ทำให้มีคนตกงาน 22 ล้านตำแหน่ง
-- ธนาคารดีบีเอส กรุ๊ป ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์จะเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
-- สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) สั่งห้ามพลเมืองผู้ถือวีซ่าอย่างถูกต้องต่อวีซ่าเป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยคำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในวันนี้ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธฺ์ใหม่ (โควิด-19)
-- นายไมเคิล เฟโรลี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ในสหรัฐของเจพี มอร์แกน เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของสหรัฐอาจจะหดตัวลง 14% ในไตรมาส 2/2563 ซึ่งนับเป็นหนึ่งในการคาดการณ์ที่เลวร้ายที่สุดสำหรับสหรัฐจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้