องค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนไม่ให้มีการเรียกชื่อไวรัสโควิด-19 เป็น "ไวรัสจีน" โดยระบุว่าการกระทำดังกล่าวจะนำไปสู่การสร้างภาพลักษณ์ที่ผิดๆต่อเชื้อชาติใดเชื้อชาติหนึ่ง
"ไวรัสไม่รู้เรื่องพรมแดนประเทศ และไม่ได้สนใจเรื่องชาติพันธุ์ของคุณ สีผิวของคุณ หรือเงินที่คุณมีอยู่ในธนาคาร ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องระมัดระวังในการใช้ถ้อยคำ เนื่องจากจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ผิดๆต่อกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับไวรัสดังกล่าว" นพ.ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายโครงการฉุกเฉินของ WHO กล่าวตอบผู้สื่อข่าว ซึ่งถามเกี่ยวกับการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกชื่อไวรัสโควิด-19 เป็น "ไวรัสจีน" ซึ่งทำให้มีการสร้างความเกลียดชังต่อชาวเอเชีย
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความเมื่อวันจันทร์ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐจะให้การสนับสนุนธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจาก"ไวรัสจีน" เช่น อุตสาหกรรมการบินและอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
และล่าสุด เมื่อวานนี้ ปธน.ทรัมป์ระบุว่า เขาเป็นประธานาธิบดีในยามสงคราม เพื่อทำสงครามต่อต้าน"ไวรัสจีน"
ต่อข้อถามจากผู้สื่อข่าวที่ว่า เหตุใดเขาจึงเรียกไวรัสโควิด-19 ว่าเป็นไวรัสจีน ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า "เพราะว่ามันมาจากจีน"
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 11 ก.พ. WHO ประกาศตั้งชื่ออย่างเป็นทางการสำหรับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยใช้ชื่อว่า COVID-19 ซึ่งย่อมาจาก "coronavirus disease starting in 2019"
WHO ระบุว่า หลักการตั้งชื่อไวรัสจะหลีกเลี่ยงการอ้างอิงถึงสัตว์, ชนิดของสัตว์, ชื่อคน, วัฒนธรรม, ประชากร, อุตสาหกรรม, อาชีพ หรือสถานที่ตามภูมิศาสตร์ เพื่อไม่ให้สิ่งต่างๆเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากการถูกตั้งเป็นชื่อของไวรัส
ก่อนหน้านี้ สื่อมวลชนบางแห่งตั้งชื่อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ว่า "ไวรัสอู่ฮั่น"
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ WHO ยังได้ยกตัวอย่างการตั้งชื่อ "ไข้หวัดหมู" และ "โรคทางเดินหายใจสายพันธุ์ตะวันออกกลาง" หรือ MERS ซึ่งจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสุกร หรือภูมิภาคตะวันออกกลาง