สื่อต่างประเทศรายงานว่า นายโนเอล ควินน์ ซีอีโอของธนาคาร HSBC ต้องเร่งรับมือกับแผนการปรับลดพนักงานของ HSBC จำนวน 35,000 ตำแหน่งทั่วโลก ท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 9,000 ราย
การปรับลดตำแหน่งงานท่ามกลางวิกฤตในขณะนี้ ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจ แต่ยังมีผลกระทบทางด้านสังคมและการเมืองด้วยเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ได้ประกาศยกเลิกการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ประจำปีนี้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ในสหราชอาณาจักรหันไปให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อแก่ครัวเรือนและธุรกิจในประเทศที่กำลังเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
ทั้งนี้ การปรับลดจำนวนพนักงานอาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมในขณะนี้ เพราะรัฐบาลต่างๆ กำลังเร่งให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงินและการคลังเพื่อสนับสนุนชนชั้นแรงงานท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 โดยการปลดพนักงานอาจทำให้เกิดความไม่พอใจในระดับที่แตกต่างกันไปทั้งจากภายในและภายนอกองค์กร
นายควินน์จะต้องเผชิญกับภารกิจที่ยากลำบาก เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะทำให้แผนการปรับลดต้นทุนของ HSBC ล่าช้าออกไปด้วย โดยแผนการปรับลดต้นทุนของ HSBC นั้น รวมถึงการปรับลดสาขาของธนาคารโดยเฉพาะในสหรัฐและสหราชอาณาจักร ซึ่งกำลังเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว
นอกเหนือจากความเสี่ยงทางด้านสังคมที่จะเกิดจากการปลดพนักงานประจำสาขาต่าง ๆ แล้ว HSBC ยังจะเผชิญกับอุปสรรคทางด้านโลจิสติกส์เมื่อปิดสาขาของธนาคารด้วย
ในสหราชอาณาจักรนั้น HSBC วางแผนที่จะลดจำนวนสาขาของธนาคารลงอีก 27 แห่งในปีนี้ โดยได้ปิดสาขาสองแห่งในเบิร์นลีย์ และนอร์แธมป์ตันเป็นการชั่วคราวแล้ว หลังจากที่พบพนักงานติดเชื้อโควิด-19
ส่วนในสหรัฐนั้น HSBC วางแผนที่จะลดจำนวนสาขาของธนาคารลงราว 1 ใน 3 หรือประมาณ 80 สาขา ขณะที่บรรดาธนาคารคู่แข่งของ HSBC ก็ได้ใช้มาตรการป้องกันล่วงหน้าแล้ว รวมถึงเจพีมอร์แกนซึ่งมีรายงานว่าจะปิดสาขาในสหรัฐลงราว 20%