นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ เตือนว่า อัตราว่างงานในสหรัฐอาจพุ่งขึ้นแตะระดับ 30% ในไตรมาส 2 ปีนี้ อันเนื่องมาจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกในขณะนี้
ทั้งนี้ หากการคาดการณ์ของนายบุลลาร์ดเกิดขึ้นจริง ก็เท่ากับว่าอัตราว่างงานในสหรัฐจะพุ่งขึ้นรุนแรงกว่าในยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (The Great Depression) และพุ่งขึ้นถึง 3 เท่าจากระดับอัตราว่างงานในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยเมื่อปี 2550-2552
นอกจากนี้ นายบุลลาร์ดยังคาดการณ์ว่า ผลกระทบของโควิด-19 อาจฉุดตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐทรุดตัวลงถึง 50% ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงหนักสุดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
นายบุลลาร์ดกล่าวว่า ขณะนี้เฟดกำลังดำเนินโครงการปล่อยกู้เพิ่มเติมตามที่ได้มีการประกาศไปก่อนหน้านี้ และเฟดจะใช้ความพยายามเพิ่มขึ้นอีกหากจำเป็น
เมื่อวันพุธที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา เฟดประกาศมาตรการเพิ่มเติมเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดการเงินสหรัฐ โดยคณะผู้ว่าการของเฟดได้อนุมัติโครงการเงินกู้กองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Mutual Fund Liquidity Facility หรือ MMLF) เพื่อช่วยเหลือกองทุนตลาดเงินต่างๆ ในการรองรับความต้องการไถ่ถอนกองทุนของภาคครัวเรือนและนักลงทุน
เฟดระบุว่า โครงการ MMLF จะสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อให้กับภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจด้วย โดยภายใต้โครงการดังกล่าว เฟดสาขาบอสตันจะจัดสรรเงินกู้ให้กับสถาบันการเงินต่างๆ ที่ได้รับการค้ำประกันด้วยสินทรัพย์คุณภาพสูงที่สถาบันการเงินนั้นซื้อจากกองทุนตลาดเงิน