สื่อต่างประเทศรายงานว่า บรรดาบริษัทผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพตามบ้านในสหรัฐซึ่งช่วยดูแลชาวอเมริกันที่สูงอายุหรือเจ็บป่วยราว 12 ล้านคนนั้น กำลังเผชิญกับความยากลำบากในการตัดสินใจว่า จะให้บริการดูแลผู้ป่วยที่มีอาการของโรคโควิด-19 อย่างไร และจะรับประกันได้อย่างไรว่า ผู้ให้บริการเองจะไม่ติดเชื้อหรือเป็นเป็นผู้แพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 เสียเอง
บริษัทให้บริการดูแลสุขภาพตามบ้านแห่งหนึ่งในรัฐเท็กซัสซึ่งทำธุรกิจใน 26 รัฐได้แนะนำให้พนักงานฝ่ายดูแลสุขภาพของบริษัทออกจากบ้านของลูกค้าซึ่งเพิ่งเดินทางมาจากรัฐที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในชุมชนเป็นวงกว้าง หรือลูกค้าที่ติดต่อกับบุคคลใดๆ ที่ถูกคัดกรองเพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยไม่คำนึงว่าบุคคลนั้นจะติดเชื้อหรือไม่
ในรัฐโอไฮโอนั้น กลุ่มบริษัทด้านการดูแลสุขภาพตามบ้านเตือนว่า พวกเขาอาจจะประสบภาวะล้มละลาย และระบุว่า พวกเขาต้องการความช่วยเหลือทางการเงินและอุปกรณ์ป้องกันโรค เพื่อที่จะให้บริการดูแลสุขภาพลูกค้าตามบ้านต่อไป
ส่วนในรัฐนิวยอร์กซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น ผู้ให้บริการดูแลสุขภาพตามบ้านจำนวนหลายสิบได้หยุดให้บริการ และต้องละทิ้งผู้ป่วยของพวกเขา ซึ่งก็ส่งผลกระทบต่อความพยายามที่จะคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยง และชะลอการแพร่ระบาดของโควิด-19
นายโรเจอร์ โนเยส โฆษกของสมาคมการดูแลสุขภาพตามบ้านของรัฐนิวยอร์กกว่าวว่า นี่เป็นวิกฤตเร่งด่วน