นายเบน เบอร์นันเก้ อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐไม่น่าจะฟื้นตัวได้เร็วหลังถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นายเบอร์นันเก้กล่าวในการสัมมนาออนไลน์ที่จัดโดยสถาบันบรูคกิ้งส์ในวอชิงตันว่า "ผมไม่คิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะกลับคืนสู่ภาวะปกติจนกว่าจะมีความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้นทั้งในหมู่ประชาชนทั่วไป รวมไปถึงระดับผู้ว่าการรัฐและนายกเทศมนตรี ที่จะต้องมั่นใจได้ว่า การเปิดเศรษฐกิจจะไม่ทำให้วิกฤตโรคระบาดปะทุขึ้นอีกครั้ง"
อดีตประธานเฟดกล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดว่าสถานการณ์จะเลวร้ายหรือดีขึ้น ได้แก่ ระยะเวลาของการระบาดของโรคโควิด-19 และปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะส่งผลต่อระยะเวลาของการระบาดก็คือ การรับมือทางด้านสาธารณสุข
ทั้งนี้ นายเบอร์นันเก้เป็นประธานเฟดในยุคที่สหรัฐเผชิญกับวิกฤตการเงินในปี 2551-2552
"เนื่องจากเราอาจจะต้องเริ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งอาจจะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอลง ผมจึงไม่คิดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็ว" นายเบอร์นันเก้กล่าว
เขากล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจหดตัวลงในอัตรา 30% ต่อปีหรือมากกว่าในไตรมาส 2 แต่ขณะเดียวกันก็ระบุว่า การหดตัวดังกล่าวยังไม่แย่เท่ากับภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ (Great Depression) เมื่อ 12 ปีที่แล้ว
นายเบอร์นันเก้ระบุว่า หากทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยดีในระยะ 1 หรือ 2 ปี เราก็จะอยู่ในสถานะที่ดีกว่านั้นมาก
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายเบอร์นันเก้ได้ยกย่องนโยบายการคลังและการเงินของสหรัฐหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พร้อมแสดงความหวังว่า ความพยายามของสองพรรคในสภาคองเกรสอาจนำไปสู่การรับมือด้านการคลังที่แข็งแกร่งขึ้นในขณะที่เศรษฐกิจฟื้นตัว