World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 15 เมษายน 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday April 15, 2020 09:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ ขานรับมุมมองบวกที่ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐนิวยอร์กซึ่งมีรายงานว่าจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากความหวังที่ว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐเปิดเผยในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ทำเนียบขาวว่า เขาเชื่อว่ารัฐบางแห่งของสหรัฐจะสามารถยกเลิกมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่เข้มงวดได้ภายในวันที่ 1 พ.ค.นี้ หลังจากมาตรการเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจในรัฐต่างๆ

"แผนการเปิดเศรษฐกิจใกล้จะได้ข้อสรุปแล้ว ผมจะพูดคุยกับบรรดาผู้ว่าการรัฐทั้งหมด 50 รัฐ และจากนั้นผมจะให้อำนาจแก่ผู้ว่าการรัฐเพื่อดำเนินการเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง โดยจะเป็นไปตามแผนการเปิดเศรษฐกิจของแต่ละรัฐในช่วงเวลาและแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมที่สุด" ปธน.ทรัมป์ระบุ

ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่า "วันที่จะเปิดเศรษฐกิจได้ใกล้เข้ามาแล้ว แม้ว่ารัฐแต่ละรัฐมีสภาวะที่แตกต่างกัน แต่ถึงกระนั้นก็ตาม วันที่จะเปิดเศรษฐกิจกำลังใกล้เข้ามา ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นก่อนวันที่ 1 พ.ค.ด้วยซ้ำ"

-- เว็บไซต์ของศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ เปิดเผยว่า ณ เย็นวันอังคารที่ 14 เม.ย. ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐอยู่ที่ 602,989 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 25,575 ราย

ทั้งนี้ รัฐนิวยอร์กถือเป็นรัฐที่มีการแพร่ระบาดรุนแรงที่สุด โดยมีผู้ติดเชื้อ 202,630 ราย และเสียชีวิต 10,834 ราย ตามมาด้วยรัฐนิวเจอร์ซีที่มีผู้ติดเชื้อ 68,824 ราย และเสียชีวิต 2,805 ราย สำหรับรัฐที่มียอดผู้ป่วยเกิน 20,000 รายได้แก่แมสซาชูเซตส์ มิชิแกน เพนซิลวาเนีย แคลิฟอร์เนีย อิลินอยส์ และหลุยเซียนา

-- กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์รายงานว่า ณ ช่วงบ่ายวานนี้ (14 เม.ย.) มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 334 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อแบบกลุ่มในหอพักของคนงานชาวต่างชาติ

ทั้งนี้ สิงคโปร์รายงานยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 300 รายเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันแล้ว หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งรายวันสูงสุดถึง 386 รายเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมในสิงคโปร์อยู่ที่ 3,252 ราย และมีผู้เสียชีวิต 10 ราย ขณะที่ผู้ป่วย 611 รายได้รับการรักษาและออกจากโรงพยาบาลแล้ว

-- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า เศรษฐกิจโลกในปีนี้จะประสบกับวิกฤตการเงินที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในช่วงทศวรรษ 1930 โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะหดตัวลง 3% ในปีนี้ ซึ่งสวนทางการคาดการณ์ในเดือนม.ค.ที่ระบุว่า เศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 3.3% ในปีนี้ ส่วนในปีหน้า คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 5.8% จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะมีการขยายตัว 3.4%

IMF ยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลง 5.9% ในปีนี้ แต่จีนจะมีการขยายตัว 1.2%

นอกจากนี้ IMF ยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะหดตัว 7.5% ในปีนี้ ขณะที่อิตาลีและสเปน ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิด-19 จะหดตัวลง 9.1% และ 8% ตามลำดับ

IMF ยังระบุว่า วิกฤตการณ์ในปีนี้แตกต่างจากวิกฤตการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต และทำให้ IMF ได้รับคำร้องขอความช่วยเหลือฉุกเฉินจากประเทศสมาชิกมากเป็นประวัติการณ์ โดยมีสมาชิกกว่า 90 ประเทศ จากทั้งหมด 189 ประเทศที่เรียกร้องขอความช่วยเหลือทางการเงินจาก IMF ในปีนี้

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ เปิดเผยว่า เขาได้สั่งการให้คณะทำงานของรัฐบาลสหรัฐระงับการให้เงินสนับสนุนองค์การอนามัยโลก (WHO) โดยระบุว่า WHO ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดขององค์การสหประชาชาติ (UN) ประสบความล้มเหลวในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

"ผมได้สั่งการให้คณะทำงานของผม ระงับการให้เงินสนับสนุน WHO หลังจากที่เราได้ทำการทบทวนบทบาทของ WHO แล้วพบว่า WHO มีการจัดการที่ย่ำแย่ และไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้" ปธน.ทรัมป์กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ทำเนียบขาวในวันอังคารตามเวลาสหรัฐ

-- นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (UN) ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) จะต้องได้รับการสนับสนุนต่อไป โดยถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นไม่นานหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้สั่งการให้คณะทำงานของรัฐบาลสหรัฐระงับการให้เงินสนับสนุน WHO

นายกูเตอร์เรสกล่าวว่า "ผมเชื่อมั่นว่า WHO จะต้องได้รับการสนับสนุนต่อไป และจำเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะต้องพยายามเอาชนะสงครามการต่อสู้กับโควิด-19"

-- นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ กล่าวว่า ภาคเอกชนของสหรัฐจะเริ่มส่งพนักงานกลับเข้าทำงานในสำนักงานภายในเดือนมิ.ย.เป็นอย่างเร็วที่สุด

ทั้งนี้ ภาคธุรกิจอนุญาตให้พนักงานทำงานที่บ้าน เพื่อปกป้องสุขภาพจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

"แผนการให้พนักงานกลับเข้าทำงานถือเป็นสิ่งดีที่จะทำ และผมหวังว่ามันจะเกิดขึ้นในไม่ช้า แต่จะไม่ใช่เดือนพ.ค. โดยเรากำลังพูดถึงเดือนมิ.ย.,ก.ค.,ส.ค." นายไดมอนกล่าว

นายไดมอนกล่าวว่า การที่โลกธุรกิจจะกลับสู่ภาวะปกติจะต้องดำเนินไปอย่างเป็นขั้นตอน และถูกกำหนดจากเงื่อนไขในภูมิภาค และลักษณะเฉพาะตัวของบริษัทต่างๆ

-- นายบารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศสนับสนุนนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ เข้าชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปีนี้

ทั้งนี้ นายไบเดนเป็นอดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ 2 สมัยคู่กับนายโอบามา

"การเลือกคุณไบเดนเป็นรองประธานาธิบดีของผมถือเป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่ดีที่สุดของผม และเขาได้กลายเป็นเพื่อนสนิท ผมเชื่อว่าโจมีคุณสมบัติทั้งหมดที่เราต้องการสำหรับการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐในขณะนี้" นายโอบามากล่าวในทวิตเตอร์

ขณะนี้ นายไบเดนเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเพียงคนเดียวในการชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ หลังจากที่นายเบอร์นี่ แซนเดอร์ส วุฒิสมาชิกรัฐเวอร์มอนต์ ประกาศถอนตัวจากการแข่งขันก่อนหน้านี้

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ อินโดนีเซียจะเปิดเผยยอดนำเข้า,ส่งออก และดุลการค้าเดือนมี.ค. ในขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนมี.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนเม.ย.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนเม.ย.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.พ., สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) (เช้าวันที่ 16 เม.ย.)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ออสเตรเลียเตรียมเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนมี.ค. จีนเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนมี.ค. เยอรมนีเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. อียูเตรียมเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. และสหรัฐเตรียมเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมี.ค. รวมถึงดัชนีการผลิตเดือนเม.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ