กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกรายงานเตือนว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อเสถียรภาพการเงิน ในขณะที่สถานการณ์การเงินทั่วโลกยังอยู่ในภาวะตึงตัวมากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงต้นปีนี้
IMF เปิดเผยในรายงาน Global Financial Stability Report ซึ่งมีการเผยแพร่ในวันอังคารตามเวลาสหรัฐว่า "หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 สถานการณ์ด้านการเงินได้ตกอยู่ในภาวะตึงตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดการเงินโลก นอกจากนี้ ยังทำให้ตลาดการเงินผันผวนอย่างมาก อีกทั้งทำให้ต้นทุนการกู้ยืมพุ่งขึ้น และมีสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดการระดมทุนขนาดใหญ่ก็ตกอยู่ในภาวะตึงตัวเช่นกัน
"สถานการณ์เหล่านี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงที่ว่า การที่ผู้กู้ยืมไม่สามารถชำระหนี้ได้นั้น จะสร้างแรงกดดันต่อธนาคารพาณิชย์ และจะส่งผลให้ตลาดสินเชื่อตกอยู่ในภาวะชะงักงัน" รายงานของ IMF ระบุ พร้อมกับเสริมว่า วิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กำลังเป็นภัยคุกคามอันใหญ่หลวงต่อเสถียรภาพของระบบการเงินทั่วโลก
"ความผันผวนที่ยืดเยื้อยาวนานในตลาดการเงินอาจสร้างแรงกดดันต่อสถาบันการเงิน และส่งผลให้บรรดาผู้กู้ยืมนอกกลุ่มสถาบันการเงินต้องเผชิญกับภาวะสินเชื่อตึงตัว ซึ่งจะเร่งให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอีก" รายงานของ IMF ระบุ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การเปิดเผยรายงานดังกล่าวมีขึ้นหลังจาก IMF ระบุว่า เศรษฐกิจโลกในปีนี้จะประสบกับวิกฤตการเงินที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในช่วงทศวรรษ 1930 โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะหดตัวลง 3% ในปีนี้ ซึ่งสวนทางการคาดการณ์ในเดือนม.ค.ที่ระบุว่า เศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 3.3% ในปีนี้
อย่างไรก็ดี IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 5.8% ในปีหน้า จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะมีการขยายตัว 3.4%
IMF ยังระบุว่า วิกฤตการณ์ในปีนี้แตกต่างจากวิกฤตการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต และทำให้ IMF ได้รับคำร้องขอความช่วยเหลือฉุกเฉินจากประเทศสมาชิกมากเป็นประวัติการณ์ โดยมีสมาชิกกว่า 90 ประเทศ จากทั้งหมด 189 ประเทศที่เรียกร้องขอความช่วยเหลือทางการเงินจาก IMF ในปีนี้