COVID-19อังกฤษเผยโควิด-19 ทำประชาชนงดซื้อของนอกบ้านถึง 83%

ข่าวเศรษฐกิจ Monday April 20, 2020 11:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมค้าปลีกอังกฤษ เปิดเผยว่า จำนวนชาวอังกฤษที่ออกไปซื้อของนอกบ้านปรับตัวลดลงถึง 83% ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่เลือกที่จะอยู่บ้านเพื่อลดความเสี่ยงที่จะติดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ขณะเดียวกัน รัฐบาลอังกฤษยังได้สั่งปิดธุรกิจค้าปลีกที่ไม่จำเป็นด้วย ส่งผลให้ประชาชนไม่มีเหตุผลต้องออกจากบ้านมากนัก

นอกจากนี้ ยอดการใช้จ่ายภาคค้าปลีกยังปรับตัวลดลงกว่าหนึ่งในสี่ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อย่างไรก็ดี ร้านสะดวกซื้อมีจำนวนลูกค้ามากขึ้นนับตั้งแต่ที่รัฐบาลได้ประกาศล็อกดาวน์เมื่อวันที่ 23 มี.ค. โดยร้านสะดวกซื้อและซูเปอร์มาร์เก็ตยังคงเปิดให้บริการ

ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอังกฤษอาจหดตัวลงถึง 35% ในไตรมาสสองของปีนี้ หากอังกฤษยังคงล็อกดาวน์ไปอีก 3 เดือน

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สื่อต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลอังกฤษได้ประกาศว่าจะขยายเวลาบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศเพื่อชะลอการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ต่อไปอีกอย่างน้อย 3 สัปดาห์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษใกล้ที่จะถึงจุดสูงสุดแล้ว

นายโดมินิก ร้าบ รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษประกาศว่า มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศจะขยายเวลาออกไปอีกอย่างน้อย 3 สัปดาห์จนถึงวันที่ 7 พ.ค.นี้ โดยเขาระบุว่า การเปลี่ยนแปลงมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในเวลานี้ มีความเสี่ยงที่จะสร้างความเสียหายทั้งทางด้านสาธารณสุข และเศรษฐกิจของอังกฤษ

ด้านนายแมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษ กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในอังกฤษเริ่มที่จะเข้าใกล้จุดสูงสุด แต่ในขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ เนื่องจากไวรัสอาจรุนแรงมากขึ้น หากรัฐบาลไม่เข้มงวดต่อมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ