ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลง 592.05 จุด หรือ 2.44% เมื่อคืนนี้ (20 เม.ย.) โดยตลาดถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ทรุดตัวลงแตะระดับติดลบเป็นครั้งแรก ซึ่งได้ฉุดราคาหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงด้วย โดยปัจจัยดังกล่าวได้บดบังรายงานเชิงบวกที่ว่า รัฐบาลในหลายประเทศเตรียมผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ รวมทั้งข่าวทำเนียบขาวและสภาคองเกรสใกล้บรรลุข้อตกลงในการปล่อยสินเชื่อรอบที่ 2 ให้กับธุรกิจรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
-- ราคาน้ำมันดิบ WTI ฟื้นตัวขึ้นในการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ในช่วงเช้านี้ หลังจากราคาได้ทรุดตัวลงสู่ระดับติดลบเป็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้ (20 เม.ย.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และจากปัจจัยที่ว่า คลังน้ำมันของสหรัฐกำลังกักเก็บน้ำมันใกล้เต็มความจุแล้ว ท่ามกลางภาวะน้ำมันล้นตลาด
ณ เวลา 07.46 น. ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ดีดตัวขึ้น 38.19 ดอลลาร์ หรือ 101.49% แตะที่ระดับ 56 เซนต์/บาร์เรล
-- ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ร่วงลงตามตลาดหุ้นสหรัฐที่ปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการดิ่งลงของราคาน้ำมันสู่ระดับต่ำกว่า 0 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ และกังวลเกี่ยวกับฤดูการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ตลาดหุ้นญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้เปิดตลาดร่วงลง โดยถูกกดดันจากการที่สัญญาน้ำมันดิบเดือนพ.ค.ที่จะครบกำหนดส่งมอบวันนี้ ได้ร่วงลงสู่ระดับติดลบเป็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้ เนื่องจากขีดความสามารถในการกักเก็บน้ำมันในตลาดโลกอยู่ในระดับต่ำขณะที่ปริมาณน้ำมันล้นตลาดโลก และอุปสงค์น้ำมันลดลงจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดทั่วโลก
-- บริษัทนิสสัน มอเตอร์ของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า จะปิดการดำเนินงานชั่วคราวที่สำนักงานใหญ่ของบริษัททั่วโลก รวมถึงที่โรงงานในญี่ปุ่นไปจนถึงต้นเดือนพ.ค.เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นิสสันระบุในแถลงการณ์ว่า บริษัทจะปิดทำการดังกล่าวเป็นเวลา 16 วันตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.-10 พ.ค. ซึ่งจะกระทบพนักงาน 15,000 คน
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ เปิดเผยว่า ทางการสหรัฐมีแผนที่จะเพิ่มน้ำมันเข้าคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) มากถึง 75 ล้านบาร์เรล หลังจากราคาน้ำมันดิบทรุดตัวลงสู่ระดับติดลบเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมื่อคืนนี้
ปธน.ทรัมป์ให้เหตุผลในการพิจารณาซื้อน้ำมันเพิ่มว่าเป็นเพราะราคาน้ำมันทรุดตัวลงอย่างหนัก และจะเป็นการเติมเต็มปริมาณน้ำมันในคลังสำรอง SPR ด้วย
-- ข้อมูลจาก worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลกระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 170,424 ราย ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกอยู่ที่ 2,480,731 ราย
ทั้งนี้ สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (792,759) รองลงมาคือสเปน (200,210) และอิตาลี (181,228)
นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (42,514) ตามมาด้วยอิตาลี (24,114) และสเปน (20,852)
-- บรรดาผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า กลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) อาจกลายเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อได้พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในขณะนี้ อาเซียนมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 28,000 ราย ซึ่งสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซียคิดเป็นสัดส่วน 87.9% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด
ถึงแม้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในอาเซียนยังคงต่ำกว่าในสหรัฐและยุโรป ซึ่งมีจำนวนหลายแสนราย แต่ผลการศึกษาบ่งชี้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อในอาเซียนอาจมากกว่าที่มีการรายงานหลายหมื่นคน เนื่องจากหลายประเทศ เช่น อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ มีอัตราการตรวจหาผู้ติดเชื้อในระดับต่ำ
-- สำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ได้อนุมัติให้บริษัทโนวาร์ติส (Novartis) ซึ่งเป็นผู้ผลิตยาของสวิตเซอร์แลนด์ ทำการทดสอบว่า hydroxychloroquine ซึ่งเป็นยาต้านมาลาเรีย สามารถรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ได้หรือไม่
ทั้งนี้ โนวาร์ติสมีแผนที่จะเริ่มใช้ยาดังกล่าวกับผู้ป่วยจำนวน 440 รายสำหรับการทดสอบในระยะที่ 3 ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าในสถานที่หลายแห่งในสหรัฐ และจะมีการรายงานผลการทดสอบโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
-- นายเดวิด ไบลิน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของซิตี้ กรุ๊ป กล่าวว่า ตลาดหุ้นสหรัฐอาจฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดที่ทำไว้ในช่วงที่ผ่านมา แต่ตลาดอาจปรับตัวย่ำแย่ลงในระยะต่อไป
"ตลาดยังไม่ได้ปรับตัวรับสถานการณ์ที่เราอาจเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบสองในสหรัฐ ซึ่งจะทำให้มีการปิดเศรษฐกิจต่อไป" นายไบลินกล่าว
นอกจากนี้ เขายังระบุว่า "อีกสิ่งหนึ่งที่ตลาดยังไม่ได้ปรับตัวรับคือความจริงที่ว่า ไวรัสนี้อาจใช้เวลาอีก 18-24 เดือนในการแพร่ระบาดไปทั่วโลก ก่อนที่เราจะมีวัคซีนต้านไวรัส"
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ ธนาคารกลางออสเตรเลียเปิดเผยรายงานการประชุม, อังกฤษเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนก.พ., สถาบัน ZEW เปิดเผยความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนเม.ย.ของอียูและเยอรมนี ทางด้านสหรัฐเตรียมเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค.
ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค., อังกฤษเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. และสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนก.พ. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)